พรรคไทยรักษาชาติ นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจและนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค พร้อมแกนนำพรรคลงพื้นที่ เขต 20 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เขตสวนหลวงกับแขวงหนองบอนและแขวงดอกไม้ เขตประเวศ หาเสียงช่วยนายธกร เลาหพงศ์ชนะ ผู้สมัครหมายเลข 7

โดยมีการเดินพบปะประชาชนและแนะนำผู้สมัคร ที่ตลาดวัดตะกล่ำถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 22 แขวงหนองบอน เขตประเวศ ต่อเนื่องด้วยตลาดเอี่ยมสมบัติและรับประทานอาหารเช้าบริเวณข้างตลาด ก่อนที่แกนนำและผู้สมัครของพรรคจะไปเยี่ยมชมโรงเรียนศูนย์เด็กเล็กวัดทุ่งลานนา

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การลงพื้นที่เขตนี้เป็นครั้งที่ 2 พบกระแสตอบรับมากขึ้น โดยมีผู้เคยชื่นชอบและสนับสนุนพรรคไทยรักไทยในอดีต เข้ามาให้กำลังใจด้วย แต่ประชาชนยังสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดิม นอกเหนือจากปัญหาจราจรและมลพิษทางอากาศ ซึ่งประชาชนย่านนี้ต่างฝากความหวังให้พรรคช่วยเข้ามาดูแลด้วย

ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบความชัดเจน เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคจะกำหนด เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ส่วนตัวยอมรับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารไม่ว่าจะติด 1 ในแคนดิเดตของพรรคหรือไม่ หรือจะเป็นคนนอกพรรคตาม ส่วนการจัดลำดับรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคนั้น อาจมีสมาชิกที่พอใจและไม่พอใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องคำนึงถึงคะแนนเสียงที่จะได้ทั้งประเทศ หากพรรคได้คะแนนเยอะ ผู้อยู่ในลำดับกลางๆ หรือท้ายๆ อาจได้เป็น ส.ส.ด้วย ความรู้สึกต่อการจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์จะเปลี่ยนไป

ด้านนายแพทย์เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 55 พรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่า ส่วนตัวพอใจในการจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค พร้อมย้ำเป้าหมายสำคัญในการทำงานการเมืองของนายแพทย์เหวงและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติคนอื่นๆตามที่พูดคุยกัน คือ จุดยืนที่ต้องการให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมีชัยชนะในการเลือกตั้ง และกวาดล้างฝ่ายที่ไม่เป็นประชาธิปไตยออกไปจากประวัติศาสตร์การเมืองไทยให้ได้ ซึ่งแม้ส่วนตัวจะได้ลำดับท้ายๆ แต่จะลงพื้นที่กับพรรคอย่างต่อเนื่อง 

ด้านผศ.อรุณี กาสยานนท์ รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึง การเยี่ยมชมโรงเรียนศูนย์เด็กเล็กวัดทุ่งลานนาของพรรค ตามที่มีแนวนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย คือ นโยบาย Baby start วางรากฐานเด็กแรกเกิด 3 ขวบแรกให้เข้มแข็งแจก Baby start Box กล่องบรรจุหนังสือของเล่นและคู่มือการเลี้ยงดูลูกวิธีกระตุ้นพัฒนาการเด็ก แจกทุกครอบครัวที่มีเด็กแรกเกิดทุกคน และนโยบายที่ 2 คือ อัพเกรด 20,000 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและอนุบาลของรัฐ 30,000 แห่ง เป็น Smart Kids Center เพิ่มการลงทุนในเด็กปฐมวัย ทั้งด้านสาธารณสุขการเลี้ยงดูและการศึกษา ที่เปลี่ยนการจัดสิ่งแวดล้อม เครื่องมือและสื่อการเรียนรู้ในศูนย์ให้ได้มาตรฐาน, พัฒนาและเพิ่มสัดส่วนครูและผู้ดูแลเด็ก เพื่อประกันว่าเด็กจะได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ

รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับเด็กปฐมวัยน้อยเกินไป ทางพรรคเห็นความสำคัญที่ว่า สมองเด็กเติบโตเร็วสุดในช่วงปีแรกๆของชีวิตและวิธีการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง รวมถึงการกระตุ้นด้วยสื่อที่เหมาะสม จะส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองโดยเฉพาะด้านภาษา อารมณ์และสังคมในระยะยาว และเตรียมพร้อมพัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีคุณภาพ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เกิดจากฐานะทางเศรษฐกิจด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ทษช. ยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิส - อาจมีเซอร์ไพรส์แคนดิเดตนายกฯ