ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 19.00 น. วันที่ 12 ต.ค. มีการเปิดตัวหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Fire One One และที่ปรึกษาด้าน Business Transformation ดำเนินการเสวนาโดยธีรัตถ์ รัตนเสวี
เมื่อพูดถึงทักษิณ ชินวัตร หลายคนนึกถึงนายกรัฐมนตรีที่ต้องลี้ภัยทางการเมือง บางคนเห็นเป็นภาพผีปีศาจ แต่ตัวตนทักษิณเป็นอย่างไร ในสายตา นพ.พรหมินทร์ เขาเริ่มต้นอธิบายว่า “คุณทักษิณเป็นคนเก่ง” ประสบการณ์คุณทักษิณตั้งแต่ทศวรรษที่ 2520 ในการเริ่มต้นทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ต่อมาทำธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ กระทั่งดาวเทียมไทยคม สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนทางประสบการณ์ ที่คุณทักษิณมองการณ์ไกลเห็นอนาคตว่าประเทศไทยควรยกระดับการพัฒนาอย่างไร
“ประสบการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่หากคุณทักษิณเก็บไว้ที่ตัวคนเดียว สังคมไทยคงไม่มีนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ที่คนไทยคิดถึงมากที่สุด แต่เพราะคุณทักษิณมองเห็นว่าการขยับจากนักบริหารภาคธุรกิจมาบริหารภาคการเมือง จะทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และหลุดพ้นจากความยากจน นี่จึงเป็นที่มาการการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
ต่อคำถามว่าปรัชญาการทำงานของคุณทักษิณเป็นอย่างไร และวิสัยทัศน์เรื่องไหนของคุณทักษิณที่เป็นตำนาน ในมุมเพื่อนร่วมงานอย่าง นพ.พรหมินทร์ บอกว่า ปรัชญาการทำงานของคุณทักษิณไม่มีอะไรซับซ้อน คุณทักษิณเป็นคนที่รับฟังคนอื่น เวลาสนใจเรื่องไหน อยากรู้เรื่องอะไร คุณทักษิณจะหาความรู้ให้กระจ่างในเรื่องนั้น
“คุณทักษิณชอบคุยกับคนรุ่นใหม่และคนเก่งเพื่ออัพเดทความรู้ตัวเอง ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นน้ำเต็มแก้ว อาจกล่าวได้ว่าคุณทักษิณถือคติติดตัวไว้เสมอว่าสิ่งสำคัญที่สุดคืออการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” นพ.พรหมินทร์ กล่าวและตอบคำถามเรื่องวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณที่เป็นตำนานที่ว่า
“คุณทักษิณอยากเห็นคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี หายจากความยากจน สิ่งนี้นำมาสู่นโยบายจำนวนมาก เช่น สร้างและส่งเสริม SME, กองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค, ปฏิรูประบบราชการ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนมากจากวิสัยทัศน์ที่เชื่อในพลังของประชาชน ต้องการเอ็มพาวเวอร์ประชาชน อย่างที่สโลแกนพรรคไทยรักไทยในอดีตเคยใช้คำว่า “ไทยรักไทย หัวใจคือประชาชน” นพ.พรหมินทร์ ทิ้งท้าย
แม้ทักษิณ ชินวัตร จะถูกทำรัฐประหารยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2549 และไม่ได้อยู่เมืองไทยมาเกือบสองทศวรรษ แต่อะไรที่ยังทำให้คนไทยยังรู้สึกเชื่อมโยงกับคุณทักษิณตลอดเวลา ประเด็นนี้ ชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ในฐานะผู้บุกเบิกสตาร์ทอัพยุคใหม่ มองว่าเพราะคุณทักษิณเป็นพลเมืองโลก การที่คุณทักษิณได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้พบปะคนเก่งๆ ทำให้คุณทักษิณมีองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเสมอ
“คุณทักษิณไม่ยอมถูกเทคโนโลยีดิสรัปต์ เพราะคุณทักษิณเป็นคนที่สร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีก่อนเสมอ ที่ชัดเจนที่สุด เช่น สถานการณ์โควิดทำให้โลกเปลี่ยนไปทุกด้าน แต่คุณมองการณ์ไกลว่าเทคโนโลยีด้านสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบันและอนาคต คุณทักษิณก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเครื่องตรวจดีเอ็นเอในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา (DnaNudge) ที่ได้รับการยอมรับในยุโรป” ชาคริตกล่าวและว่าถ้าไม่มีรัฐประหารเมื่อปี 2549 สังคมไทยเราอาจจะพร้อมรับมือสถานการณ์โควิดได้ดีกว่าที่ผ่านมา
มาถึงไฮไลท์สำคัญของงาน คือ หนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงพูดถึงประวัติความคิดและชีวิตของทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่เป็นหนังสือที่อธิบายการตกผลึกทางความคิดของคุณทักษิณในวัย 73 ปี ที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน พร้อมด้วยเกร็ดประสบการณ์ทั้งจากคนที่เคยทำงานกับคุณทักษิณ จุดกำเนิดนโยบายสำคัญอย่างกองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค พร้อมทั้งประชาชนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จากนโยบายเหล่านี้ และที่สำคัญที่สุดคือมุมมองความสัมพันธ์จากสมาชิกในครอบครัวชินวัตรที่เปิดเผยให้ผู้อ่านได้รู้ครั้งแรกในหนังสือเล่มนี้.