ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.ทั่วโลกร่วมลงนามเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัวนายเกิม เสิกขา หัวหน้าพรรคฝ��ายค้านกัมพูชา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ก่อนที่จะเลือกตั้งช่วงกลางปี 2018

ส.ส.กว่า 150 คนจาก 23 ประเทศทั่วโลก รวมถึง สหรัฐฯ มาเลเซีย แคนาดา อินโดนีเซีย เซาท์แอฟริกา และอังกฤษ ร่วมกันลงนามในจดหมายเปิดผนึกไปยังนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อแสดงความกังวลต่อการจับกุมและตั้งข้อหากบฏกับนายเกิม เสิกขา หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ CNRP พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาปล่อยตัวนายเกิม โดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการส่งจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมาให้ ส.ส.ไทยร่วมลงนามแม้เป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับกัมพูชา เนื่องจากไทยอยู่ในรัฐบาลทหาร จึงไม่มีสมาชิกสภาฯ ที่ชอบธรรม

จดหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า เมื่อ 26 ปีก่อน ประชาคมโลกได้เข้าร่วมประชุมกัน ตกลงจะช่วยกัมพูชาก่อร่างสร้างประชาธิปไตยแบบที่มีหลายพรรคการเมืองอย่างแท้จริง หลังจากที่กัมพูชาต้องผ่านสงครามและความวุ่นวายมานานหลายปี พวกเขา ในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน มีความตั้งใจจริงที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น แต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการฟื้นฟูหลักการและค่านิยมพื้นฐานของประชาธิปไตยกลับมาให้ได้เสียก่อน การจับกุมตัวนายเกิมและการยุบพรรค CNRP หมายความว่า การเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมจะเป็นไปไม่ได้เลยในปี 2018 นี้

กลุ่มส.ส.ทั่วโลกจึงขอให้มีการถอนข้อหาของนายเกิมและปล่อยตัวเขาในทันที รวมถึงกลับคำตัดสินยุบพรรค CNRP และยกเลิกกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายการเลือกตั้งที่เพิ่งเขียนใหม่ทั้งหมด เมื่อ 3 เดือนก่อน นายเกิมถูกบุกจับตัวในบ้านพักของตัวเองช่วงกลางดึก ด้วยข้อหากบฏและสมคบคิดกับต่างชาติโค่นล้มรัฐบาลกัมพูชา โดยมีการนำคลิปวิดีโอที่นายเกิมยอมรับว่า ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในการเอาชนะพรรครัฐบาลของนายฮุน เซน และเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนมาเป็นหลักฐานเอาผิดเขาในฐานะรับเงินจากต่างชาติเพื่อโค่นล้มรัฐบาล นอกจากนี้ ศาลยังเพิ่งตัดสินให้มีการยุบพรรค CNRP พรรคฝ่ายค้านหลักของกัมพูชาด้วยข้อหาเดียวกัน รวมถึงตัดสิทธิทางการเมืองของสมาชิกพรรค 118 คนเป็นเวลา 5 ปี แม้ว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งช่วงกลางปี 2018

การยุบพรรค CNRP ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลของนายฮุนเซนกำลังเหวี่ยงแหปราบปรามพรรคการเมือง สื่อ และภาคประชาสังคมที่เห็นต่างจากเขาทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่า การเลือกตั้งปี 2018 พรรคของเขาจะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป หลังจากที่ครองอำนาจมานานกว่า 30 ปี

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ก็ประกาศยุติให้เงินช่วยเหลือคณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชา ส่วนสหภาพยุโรปก็ขู่ว่า จะยกเลิกการงดเว้นภาษีสินค้าจากกัมพูชา หากกัมพูชาไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน โดยท่าทีจากตะวันตกออกมาในช่วงที่นายฮุนเซนและภริยาไปประกอบพิธีสวดมนต์ให้ประเทศมีสันติภาพและความมั่นคง ทำให้นักการเมืองพรรค CNRP ที่ลี้ภัยออกนอกประเทศวิจารณ์ว่า สันติภาพของประเทศไม่อาจกลับคืนมาได้ด้วยการทำพิธีอย่างเดียว