กุ้ยโจวถือเป็นหนึ่งในมณฑลที่ยากจนที่สุดของจีน ได้พยายามปรับตัวเข้ากับโลกสมัยใหม่ ด้วยการนำเทคนิคการชงชาที่สืบทอดมานานหลายร้อยปี มาดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสวัฒนธรรมชาอย่างใกล้ชิดถึงในไร่

ที่เทือกเขาในมณฑลกุ้ยโจวของจีน มีไร่ชากระจายอยู่เป็นจำนวนมาก และได้กลายมาเป็นแหล่งพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่สำคัญในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเหมยถัน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ที่ทำให้ประชากรกว่าสามหมื่นคนไม่ต้องทนทุกข์กับความยากจนอีกต่อไป เพราะนับจากปี 2015 เขตนี้โกยรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 50 ล้านหยวน หรือราว 250 ล้านบาท และสร้างงานมากกว่า 400 ตำแหน่ง

นอกจากนั้น เขตเหมยถันยังดึงดูดนักธุรกิจให้มาลงทุน เช่นเดียวกับ ‘ฟ่าน หลิน (Fan Lin)’ ที่ตัดสินใจมาลงทุนที่นี่ เพราะประทับใจทัศนียภาพที่สวยงามและทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เธอจึงนำวัฒนธรรมชามาใช้ในการดึงดูดการท่องเที่ยว โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเก็บใบชาได้ถึงในไร่ และเรียนรู้กระบวนการแปรรูปชาตั้งแต่ต้นจนจบ

ปัจจุบัน ไร่ชาในเขตนี้กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยชาวไร่ได้ร่วมถือหุ้นในกิจการด้วย พร้อมตั้งชื่อหมู่บ้านใหม่ว่าเป็น ‘Seven Color Tribe’ หรือ ‘ชนเผ่าเจ็ดสี’ และได้เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นร้านขายของ โดยทาสีกำแพงบ้านในหลายเฉดสีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว