ปัจจุบัน มีหลายบริษัทใหญ่ที่กำลังแข่งขันกันพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ใช้ประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย โดยล่าสุดได้มีการเผยผลศึกษาว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ามักมีความเครียดน้อยลง และมีความสุขมากกว่าการขับรถใช้น้ำมันทั่วไป
ดอกเตอร์ดันแคน วิลเลียมส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงจากมหาวิทยาลัยยอร์ก ในอังกฤษ ได้ทำการศึกษารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท London EV Company ที่ผลิตแท็กซี่พลังงานไฟฟ้าใช้วิ่งในกรุงลอนดอน โดยค้นพบว่า การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่แทบไม่ส่งเสียงดังนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก
โดยผู้ขับรถแท็กซี่ของบริษัทรวมสี่คนที่ร่วมในการวิจัยต้องสวม ‘brain cap’ หรือ ‘หมวกครอบสมอง’ เพื่อเก็บข้อมูลคลื่นไฟฟ้าในสมองของแต่ละคน ขณะขับขี่รถแท็กซี่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันดีเซล ซึ่งผู้วิจัยระบุว่า คนขับจะมีสมาธิมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และมีความสุขมากกว่า เมื่อขับรถยนต์ไฟฟ้า
ดอกเตอร์วิลเลียมส์มองว่า ผลการศึกษานี้ให้ผลที่น่าสนใจ เพราะปกติแล้ว ความรู้สึกสงบ มีสมาธิ และมีความสุขนั้นจะสัมพันธ์กับคลื่นสมองระดับอัลฟา แต่คนขับแท็กซี่ที่ร่วมวิจัยนั้นกลับมีคลื่นเบตา ซึ่งมีความถี่มากกว่า สะท้อนว่าสมองในช่วงนั้นกำลังใช้ความคิดและจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำอยู่ โดยสรุปได้ว่า รถที่ไม่มีเครื่องยนต์เสียงดังนั้นช่วยทำให้ผู้ขับจดจ่อและรู้สึกสงบมากขึ้น ซึ่งผลการวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดีมากกว่าที่คิด