เบอร์เกอร์คิงเพิ่มเมนูวูปเปอร์เบอร์เกอร์เนื้อสังเคราะห์ทุกสาขาในสหรัฐฯ หลังจาก FDA รับรองส่วนประกอบของเนื้อสังเคราะห์ให้สามารถจัดจำหน่ายและส้่งออกได้

ร้านอาหารฟาสฟู้ดชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกจะเริ่มจัดจำหน่ายเมนู Impossible Whopper ซื่งเมนูดังกล่าวจะใช้เนื้อสังเคราะห์ แทน เนื้อวัว หลังจากที่องค์การอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (FDA) รับรองให้ส่วนประกอบที่ใช้ผลิตเนื้อสังเคราะห์มีความปลอดภัยต่อการบริโภค  

เมนูดังกล่าวจะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 8 สิงหาคม - 1 กันยายน โดยเริ่มแรกจะจัดจำหน่ายทั่วทุกสาขาในสหรัฐฯเป็นลำดับแรก ซึ่งทางร้านเบอร์เกอร์คิงมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มวีแกน และกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติให้กลับมาใช่บริการเบอร์เกอร์คิงอีกครั้ง 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯได้รับรองให้การใช้โปรตีนจากถั่วเหลือง หรือ soy leghemoglobin ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของการผลิตเนื้อสังเคราะห์ของบริษัทImpossible Food เป็นส่วนประกอบที่มีความปลอดภัยต่อการบริโภคและอนุญาตให้สามารถวางจัดจำหน่ายได้

soy leghemoglobin เป็นโปรตีนที่สังเคราะห์และสกัดจากรากของพืชตระถั่ว ซึ่งมีลักษณะทางเคมีคล้ายคลึงกับส่วนประกอบของฮีโมโกลบินซึ่งเป็นโปรตีนธาตุเหล็กในพบในเซลล์เม็ดเลือดแดงของมนุษย์ ซึ่ง soy leghemoglobin จะเป็นโมเลกุลที่ให้สีสังเคราะห์ที่มีสี กลิ่นและรสสัมผัสที่เหมือนเลือดจากเนื้อวัวจริง

ในช่วงปีที่ผ่านมาเทรนด์อาหารทางเลือกนั้นมีการแข่งขันเพิ่มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯและยุโรป ทำให้บริษัทผู้ผลิตเนื้อสังเคราะห์รายใหญ่อย่างบริษัทBeyond Meat ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปอาหารของสหรัฐฯมีมูลค่าของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 780 เปอร์เซ็นต์ 

ขณะที่บริษัท Impossible Food ได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสังเคราะห์ให้กับร้านอาหารทั่วสหรัฐฯไปแล้วกว่า 10,000 ร้าน และในปีนี้ก็ได้ขยายตลาดเนื้อสังเคราะห์ไปในตลาดฟาสฟู้ดอย่างเบอร์เกอร์คิง ที่มีสาขามากกว่า 7,000 สาขาทั่วสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของเนื้อสังเคราะห์จะเติบโตมีมูลค่าถึง 140,000 ล้านดอลลาร์หสรัฐฯ ภายใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ทั่วโลก

ปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวอเมริกันราว 30 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าตนเองลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลงจากเดิม ขณะที่ 32 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าตนเองเป็น Flexitarian หรือ มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ที่ไม่ยอมตัดขาดจากเนื้อสัตว์ไปเสียทีเดียว แต่เลือกรับประทานแค่เพียงครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทำให้ยอดขายเนื้อสัตว์จากพืชเติบโตในอัตรารวดเร็วว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป โดยสถิติเมื่อเดือนกันยายน 2018 ชี้ว่า ในรอบ 12 เดือน ยอดขายเนื้อสัตว์ทางเลือกเติบโต 23 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ เนื้อสัตว์ธรรมดาเติบโตเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น