Go-Jek แอปพลิเคชันเรียกรถรับส่งสัญชาติอินโดนีเซีย ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะขยายการให้บริการมายังประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเน้น 4 ประเทศหลัก คือไทย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่ธุรกิจนี้เติบโตค่อนข้างสูง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แอปพลิเคชันเรียกรถรับสั่งชื่อดังอย่าง 'อูเบอร์' ได้ขายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้บริษัทอื่น จนทำให้ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้มีตัวเลือกในการใช้บริการน้อยลง/ ล่าสุด บริษัท 'Go-Jek (โกเจ็ก)'
แอปพลิเคชันเรียกรถสัญชาติอินโดนีเซีย ที่ได้การสนับสนุนจากกูเกิลและเทนเซ็นต์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เตรียมขยายการให้บริการครอบคลุมประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
สำหรับการให้บริการในช่วงแรกจะมีลักษณะเป็น ride-hailing หรือบริการรถร่วมโดยสาร ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะให้บริการอื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น การไปซื้อของ หรือการบริการตามคำสั่งผู้บริโภค/ โดย Go-Jek เริ่มให้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างในอินโดนีเซียเมื่อปี 2553 ก่อนจะเปิดให้บริการรถแท็กซี่ รถโดยสารส่วนบุคคล การชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟน บริการส่งอาหาร และบริการเรียกคนมานวดตามความต้องการ
โดยบริษัทเตรียมทุ่มเงินในการขยายกิจการไปยังประเทศอื่นรวม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 16,000 ล้านบาท และจะให้บริการผ่านบริษัทท้องถิ่นของแต่ละประเทศ เพื่อให้คนในพื้นที่สามารถกำหนดอัตลักษณ์และทิศทางของแบรนด์ Go-Jek ได้เอง ซึ่งจะช่วยดึงดูดตลาดผู้ใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจุบัน Go-Jek ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำตลาดแอปพลิเคชันเรียกรถรับส่งในอินโดนีเซีย ที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนได้มากถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 64,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คู่แข่งคน
สำคัญของ Go-Jek ที่ถือว่าครองตลาดอาเซียนอยู่ตอนนี้ก็คือ Grab ซึ่งได้ควบรวมบริการจาก Uber มาไว้ด้วยกันเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังครอบคลุมการให้บริการทั้งการแชร์รถ จัดส่งอาหาร ชำระเงินผ่านมือถือใน 8 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทยอีกด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว TechCrunch รายงานว่า Go-Jek ได้ว่าจ้างพนักงานบางส่วนของ Uber ที่ไม่ต้องการย้ายไปทำงานกับ Grab ให้มาเข้าร่วมทีมของตนแทน นอกจากนั้น ผู้บริหาร Go-Jek ยังได้เจรจากับ Comfort Del Gro ผู้ให้บริการแท็กซี่รายใหญ่ของสิงคโปร์ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับ Uber แต่ก็ยังไม่ทราบผลที่ชัดเจน/ แต่ก็น่าจับตาว่า Go-Jek จะขึ้นมาเป็นเจ้าตลาด Ride-Shating ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หรือไม่