เมื่อ “ผู้พิพากษาคนดัง” ยิงตัวเองซ้ำ จนเสียชีวิต ไม่เพียงแค่สะท้อนความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรม แถมยังถูกตั้งคณะกรรมการสอบ ท่ามกลางข้อกังขาของสังคม แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์ Talking Thailand รับไม่ได้ คือ โพสต์เหยียดจากสื่อ ที่ออกอาการชัง “ผู้พิพากษาคณากร” ทั้งที่ควรช่วยประชาชนเรียกร้องความยุติธรรมและยังทางแซะคนอื่นตลอดเวลา
นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ก่อเหตุยิงตัวเองอีกครั้ง โดยนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ให้รายละเอียดว่าสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับแจ้งว่านายคณากรยิงตัวเองที่บ้านพักส่วนตัวใน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ช่วงเช้า ช่วงที่ภรรยานายคณากรออกไปส่งลูก
นายคณากรยิงตัวเองด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหัวใจ บาดเจ็บสาหัส เมื่อภรรยากลับ มาพบ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด แต่เมื่ออาการหนัก ทางโรงพยาบาลดอยสะเก็ดจึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค
ต่อมามีรายงานว่า นายคณากร เสียชีวิตแล้ว สาเหตุเบื้องต้นคาดว่ามาจากความ เครียดเนื่องจาก นายคณากร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นเอกสาร 3 แผ่น
นายคณากรเคยยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา จนบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 4 ต.ต. 2562 โดยมีการเปิดเผยในครั้งนั้นว่า นายคณากร ได้ตัดสิน ยกฟ้องจำเลย 5 คนคดีฆาตกรรม 5 ศพ โดยระบุในจดหมายถึงสาเหตุว่า ถูกกดดันจากผู้บังคับบัญชาในการทำคดี
หลังจากนั้น 7 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มติสั่งตั้ง 3 ก.ต. คือ“ฎีกา-อุทธรณ์-ชั้นต้น”เป็นอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมา 18 พฤศจิกายน 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นายคณากร และมีมติให้ไปช่วยงานในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟชบุ๊ก ถึงกรณีนายคณากร หัวข้อ “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน” ตอนหนึ่งระบุว่า ผู้พิพากษาคนหนึ่งที่มีหน้าที่การงานมั่นคง ตัดสินใจออกมากระทำการแบบนี้ เป็นเรื่องน่าเศร้าสลด เพราะเขาอึดอัดไม่สามารถพูดและแสดงออกถึงปัญหาในการทำงานและความอยุติธรรมที่พบเจอได้ เมื่อพยายามเรียกร้องทุกหนทางแล้วจนเห็นว่าไม่มีหนทางอื่นใด จึงเลือกกระทำเช่นนั้น
แม้กระแสสังคมจะหันมาให้ความสนใจกับประเด็นการแทรกแซงการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และตั้งคำถามกับความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป ต่อมามีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และมีมติให้ย้ายไปช่วยงานชั่วคราวในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จ.เชียงใหม่ และยังดำเนินคดีอาญาตามความผิด พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ อีกด้วย
ในขณะที่การตรวจสอบ ศึกษา และหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษา มิให้ถูกแทรกแซงการพิจารณาคดี กลับไม่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจังและก็เงียบหายไปอีกเช่นกัน คณากร เพียรชนะ ไม่ใช่อาชญากร แต่คือผู้พิพากษาที่มีจิตใจตั้งมั่นในความยุติธรรม
การตัดสินใจจบชีวิตตนเองเป็นครั้งที่สองของ คณากร เพียรชนะ คือภาพสะท้อนของความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทยที่ละเลยผู้ที่ออกมาเรียกร้องความ ยุติธรรมให้กับผู้อื่น ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้ การยกย่องให้เกียรติ แสดงความคารวะ และแสดงความอาลัย แก่ท่านผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ ที่ดีที่สุด ของพวกเราในฐานะพี่น้องประชาชนคนไทย คือการหันมาให้ความสนใจหารือแลกเปลี่ยนและหาหนทางร่วมกันรณรงค์แก้ไขปรับปรุงระบบการจ่ายสำนวนของผู้บริหารศาลให้แก่องค์คณะ และการตรวจร่างคำพิพากษา เพื่อสร้างหลักประกันความเป็นอิสระแก่ผู้พิพากษาตุลาการ เพื่อ “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา” เพื่อ “คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”