เปิดวาร์ปร้านอร่อยพาชิมเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยาก และอาหารไทยฟิวชั่นเก๋ ๆ ไม่ซ้ำใคร พร้อมบรรยากาศการตกแต่งที่ชวนหลงใหลและพักผ่อนใจไปกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา สุดโรแมนติก
สถาปัตยกรรมสีแดงชาด อาคารที่มีเหลี่ยมมุมแปลกตา ดูเรียบง่าย แต่กลับโดดเด่นดึงดูด ชวนให้อยากรู้อยากเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน และเมื่อผ่านประตูทรงโค้งแคบ ๆ เข้ามา ก็หลงเสน่ห์เข้าอย่างจัง ด้วยการตกแต่งในสไตล์ไทยประยุกต์ ผสมผสานความเป็นไทย-จีนและตะวันตก เหมือนย้อนยุคกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 สวยงาม เคร่งขรึมและมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่พื้นทางเดิน ลวดลายบนผนังไปจนถึงแชนเดอร์เลียร์ใบโพธิ์สีดำ ดูมีมนต์ขลัง และของเก่าเก็บที่ถูกนำมาประดับจัดวางไว้ให้บรรยากาศที่ลงตัว จึงทำให้ “อำแดง” โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีแห่งนี้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มากกว่าการพักผ่อน แต่มีงานสร้างสรรค์ ศิลปะและเรื่องราว เพราะในอดีตพื้นที่แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้ “อำแดงคลี่” คำสรรพนามนำหน้าหญิงสมัยโบราณจึงถูกนำมาเป็นชื่อของโรงแรมแห่งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าของดั้งเดิม
ผู้ชายที่ว่านี้ คือ NYE หรือ “นาย” จุดเช็กอินมื้ออร่อยภายใน "อำแดง โฮเทล" ซึ่งเกิดจากส่วนผสมระหว่าง cafe กับ restaurant กลายเป็น "NYE Cafetaurant" ที่เน้นความเรียบง่ายแต่มีชีวิตชีวา ทั้งลวดลายกระเบื้อง-เซรามิกลายครามจีน และบรรยากาศวิถีชีวิตริมแม่น้ำ ที่ชวนอิ่มเอมใจ ไปพร้อม ๆ กับเมนูอิ่มท้อง ทั้งไทยแท้ และไทยฟิวชัน ซึ่งดีไซน์ขึ้นเฉพาะที่นี่เท่านั้น
เริ่มกันที่ "มัสมั่นแกะ" โดยเนื้อแกะนำเข้าที่ผ่านการเคี่ยวด้วยสูตรพิเศษ เนื้อนุ่ม นิ่ม ไม่มีกลิ่นสาบ บวกกับเครื่องแกงอัดแน่น ลูกจันและยี่หร่า เพิ่มความหอมเข้มข้น ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เพอร์เฟกต์
ต่อด้วย "ยำดอกขจรกุ้งสด" ดอกขจรแน่น ๆ ในน้ำยำรสเด็ดสุดนัว เข้ากันกับกุ้งชิ้นโต เห็นแล้วเปรี้ยวปากอยากชิมทันที ส่วน "สันคอหมูย่างน้ำพริกคั่วทราย" ก็โดนใจ คอหมูคัดสรร ย่างแห้งพอดี ไม่มัน ไม่เยิ้ม โรยน้ำพริกคั่วทรายที่ทำจากปลาเนื้ออ่อน อร่อยยกนิ้วให้เลยค่ะ
และเมนูชาววังหาชิมยาก อย่าง "แกงรัญจวน" ชวนขยี้ใจด้วยหมูตุ๋นเนื้อนุ่ม เครื่องเทศอัดแน่นและน้ำแกงเข้มข้นจัดจ้าน ได้ลองเป็นต้องตกหลุมรัก
ยังมีเมนูเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น อย่าง “อำแดง เบอร์รี่” และ “อำแดง เวอร์จิ้น บิต” หวาน เปรี้ยว พอดี หอมกลิ่นผลไม้ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้แขกของโรงแรมและแขกทั่วไปในทุกวัน ส่วนอีกไฮไลต์คือ พื้นที่ดาดฟ้าที่ออกแบบคล้ายอัฒจันทร์เล่นระดับ ไว้นั่งรับลมเย็น ๆ และชมสีสันยามค่ำคืนของโค้งน้ำสายนี้
และใครอยากซึบซับบรรยากาศแบบเต็มอิ่มชวนพักผ่อนสบาย ๆ แบบส่วนตัว เพราะมีเพียง 10 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องมีความสวยงามแตกต่างกัน แต่ยังคงการตกแต่งที่สอดแทรกความเป็นไทย และภาพวิถีชีวิตโบราณของชาวไทย-จีนเอาไว้ เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งใจเลียนแบบของเก่า และวิวสวย ๆ ของห้องพัก โดยเฉพาะห้องสวีต ริเวอร์ไซด์ สมกับเป็น The most romantic hotel in Bangkok ตามสโลแกนจริง ๆ
สำหรับลูกค้าทั่วไปฝากท้องมื้ออร่อยที่โซนห้องอาหารได้ทุกวันตั้งแต่ 12.00 – 22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง 02-1620138 และเฟซบุ๊กเพจ AMDAENG Bangkok Riverside Hotel