รายการ Intelligence ประจำวันที่ 11 ก.พ. 2555
คดีใหญ่ในวงการสาธารณสุขไทย คือ คดีที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ โรงพยาบาลสมิติเวช วิสัญญีแพทย์ และสูตินรีแพทย์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 8 ล้านบาท ให้กับครอบครัวผู้เสียหายรายหนึ่งที่ภรรยา และบุตร เสียชีวิตระหว่างการคลอดบุตร คดีนี้ต่อสู้กันในชั้นศาลนานถึง 16 ปี เพราะต่อสู้กันถึง 3 ศาล ปฎิกิริยาที่ออกมาจากฝ่ายแพทย์ค่อนข้างรุนแรง มีโรงพยาบาลบางแห่งหนึ่ง ออกประกาศไม่ให้ใช้วิธีการรักษาวิธีเดียวกับที่ผู้เสียหายรายนี้เสียชีวิต ขณะเดียวกันเครือข่ายแพทย์ก็มีการเคลื่อนไหวจัดสัมนา เพื่อรวบรวมรายชื่อเสนอขอแก้ไข พรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค ให้เอาบริการสาธารณสุขออกจากคดีผู้บริโภค ไม่ให้ถือว่าบริการสาธารณสุขเป็นสินค้าและบริการที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายผู้บริโภค
ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ซึ่งต่อสู้คดีกับโรงพยาบาลที่ทำให้บุตรของเธอต้องพิการมากว่า21 ปี เห็นว่า คดีสมิติเวชเป็นคดีเดียวในรอบ 2 ปีที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายชนะ และมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อ แต่ที่ผ่านมาผู้เสียหายจำนวนมาก ต้องต่อสู้คดีเพียงลำพัง ขณะที่ฝ่ายแพทยสภาก็ออกมาตรการบีบเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายฟ้องร้อง ในฐานะที่ต่อสู้เรื่องนี้มายาวนาน เธอใช้เวลากว่า 10 ปีในการผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการบริกาสาธารณสุข สาระสำคัญ คือมีการตั้งกองทุน สำหรับเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ โดยไม่ต้องมีการฟ้องร้องแพทย์ หรือโรงพยาบาล และมีการออกแบบระบบใหม่สำหรับแพทย์และผู้ป่วยแต่ขณะนี้ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เธอมองว่า หากผลักดันกฎหมายใหม่สำเร็จ จะเป็นการแก้ปัญหาระบบบริการทางแพทย์ของไทย ลดปัญหาการเผชิญหน้าอง แพทย์ กับ คนไข้
ผศ.ดร. ลือชัย ศรีเงินยวง อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นว่า คดีสมิติเวช เป็นกรณีตัวอย่างสะท้อนวิกฤติสังคม คู่เผชิญหน้าไม่ควรเป็น แพทย์ กับ ผู้ป่วย ในทัศนะของผู้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้เสียหาย อธิบายว่า ความเสียหายจากการรับบริการทางแพทย์ เกิดขึ้นได้จากทั้ง ความผิดพลาดทางการแพทย์ และความผิดพลาดของบุคคล แต่เป็นเรื่องของ"ระบบ " ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ควรจบลงด้วยการ ฟ้องร้อง เพราะการขึ้นศาลเพื่อพิสูจน์ถูกผิดไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นการทำลายระบบสุขภาพทั้งระบบ ทำลายความ
สัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย ทางออกคือ จะต้องแก้ไขตัวระบบ โดยอาจารย์ลือชัย มองว่า ร่างกฎหมายคุ้มครองความเสียหายทางการแพทย์มีการออกแบบทั้ง กองทุนเพื่อการเยียวยา และการออกแบบระบบ เพื่อแก้ปัญหาที่สั่งสมมานานของวงการแพทย์ไทยด้วย จึงควรผลักดันให้มีผล
บังคับใช้ และแสดงความเป็นห่วงการที่ไทยประกาศเป็น Medical Hub ในขณะที่ยังแก้ปัญหาการคุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ไม่ได้จะทำให้วิกฤตินี้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
Produced by VoiceTV