กูเกิล ยุติการจำหน่ายกูเกิลกลาส หลังพบกับความล้มเหลวจากการที่ไม่สามารถดึงผู้บริโภคให้หันมาซื้อแว่นตาอัจฉริยะนี้ได้
กูเกิล อิงค์ ประกาศยุติการจำหน่ายแว่นตาอัจฉริยะ กูเกิล กลาส(Google Glass) ในราคา 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4 หมื่น 5 พันบาทอย่างเป็นทางการ กูเกิล ชี้แจงว่าที่ต้องหยุดจำหน่ายแก็ดเจ็ดราคาแพงชิ้นนี้ เพราะเป็นนโยบายยกระดับโครงการ โดยปิดโครงการทดลอง Google Glass "Explorer" เพื่อดำเนินการต่อในส่วนวิจัย “กูเกิลเอ็กซ์ (Google X)” และต้องเปลี่ยนหัวหน้าทีมรับผิดชอบด้วย
ทำให้นางไอวี่ รอสส์ หัวหน้าโครงการกูเกิลกลาส ต้องย้ายไปขึ้นตรงกับนายโทนี่ ฟาเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการ เนสต์ แล็บส์ (Nest Labs) ผู้พัฒนาสมาร์ทโฮมดีไวซ์ ที่กูเกิลซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว ด้วยมูลค่ามากกว่า 3 พันดอลลาร์ฯ จากนี้ เนสต์ แล็บส์ จะเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งเรื่องแนวทางการพัฒนา รวมถึงกลยุทธ์ธุรกิจ
แวดวงนักพัฒนา ได้ทดลองใช้กูเกิลกลาสมาตั้งแต่ปี 2556 และประมาณกลางปี 2557 ก็นำออกวางจำหน่าย แต่ยอดขายทำได้ไม่ค่อยดีนัก จากคำวิจารณ์ว่า กูเกิลกลาส ยังมีความบกพร่องทางเทคนิค และขาดเอกลักษณ์ในการใช้งาน จึงวิเคราะห์กันว่า การพับแผนจำหน่ายแว่นตาอัจฉริยะนี้ เป็นสัญญาณว่ากูเกิลกลาส ยังไม่พร้อมเข้าถึงวิถีชีวิตผู้บริโภคยุคดิจิตอลได้
แต่กูเกิล อิงค์ ยังไม่หยุดพัฒนา ล่าสุด ได้เริ่มโครงการใหม่ คือ การทดสอบ เอร่า โมดูลล่า สมาร์ทโฟน ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า "Spiral 2" นำร่องทำตลาดในเปอร์โตริโก้แห่งแรก คาดช่วงครึ่งหลังปี 2558 จะวางจำหน่ายชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนของโปรเจ็กต์ เอร่า ผ่านร้านค้าเคลื่อนที่ได้ คล้ายรถขายอาหาร(Food Truck) มีชิ้นส่วนให้เลือกซื้อประมาณ 20-30 ชิ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาแวร์เรเบิล แก็ดเจ็ท(Wearable Gadjet) , สมาร์ทโฮมดีไวซ์ , เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และที่เกี่ยวกับสุขภาพ เพื่อรองรับคอนซูเมอร์เทคโนโลยี
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า กูเกิลกลาส ยังมีอนาคตสดใสในตลาดผู้ใช้กลุ่มองค์กรธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมา สายการบิน “เวอร์จิน แอร์ไลน์ส (Virgin Airlines)” ได้ทดลองนำไปใช้แล้ว แต่ยังมีอีกหลายองค์กร ที่ต้องการนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ