รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ถาม “ประยุทธ์” ตีสองหน้าอยู่หรือเปล่า หลังมีนักเคลื่อนไหวทั้งนักศึกษา ประชาชน นับสิบถูกตำรวจไล่จับ เริ่มจาก “ทนายอานนท์ – ไมค์ ระยอง” ทั้งที่บอกสื่อว่าอยากรับฟังความเห็นต่าง แต่ถึงเวลาไล่ปิดปาก
“อ.วิโรจน์” เตือน “ประยุทธ์” เดินเกมประลองกำลัง ระวังจะจับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะยิ่งทำให้พลังประชาชน ยิ่งใหญ่กว่า..ยิ่งจับ คนยิ่งออกมา!
นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพหมายจับ พร้อมข้อความระบุว่า "ผมโดนจับแล้ว" โดยทนายอานนท์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหายุยงปลุกปั่น ถูกนำตัวไป สน.สำราญราษฏร์(หลังจากนั้น พาไปที่ สน.บางเขน)
หลังจากนั้น ทวิตเตอร์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ภาณุพงศ์ จาดนอกแกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ได้ถูกจับกุมที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง จากการร่วมชุมนุมกับเยาวชนปลดแอก ด้วยในข้อหาเดียวกัน และถูกนำตัวไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.สำราญราษฎร์(ล่าสุด มีรายงานว่า ถูกนำตัวขึ้นศาล)
ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออกเอกสารชี้แจง ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 กลุ่มแกนนำกิจกรรมได้ดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มบุคคลเพื่อเรียกร้องในประเด็นต่าง ๆ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาและยังเป็นการฝ่าฝืน พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 จึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์
บช.น.จึงตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปตามกรอบกฎหมาย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ จากการรวบรวมพยานหลักฐานและการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานตามสมควรว่ากลุ่มแกนนำจากกิจกรรมดังกล่าวได้กระทำความผิดอาญา และเป็นกรณีที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ และในวันนี้ (7ส.ค.63) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวแกนนำจัดกิจกรรม จำนวน 2 ราย ดังต่อไปนี้
นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ นายอานนท์ นำภา แกนนำจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 18ก.ค.63โดยเป็นการจับกุมตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 6ส.ค.63 ในข้อหา
- ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ
- ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ
- ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯ
- ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรฯ
- ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่นหรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ
- ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนนฯ
- ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ
บช.น. ขอเรียนให้ทราบว่า การดำเนินคดีและการจับกุมแกนนำจัดกิจกรรมทั้ง 2รายดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายของผู้ถูกจับกุม / ได้ให้แพทย์ตรวจร่างกายก่อนทำการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้แจ้งสิทธิตามกฎหมาย และจะปฏิบัติตามระเบียบการควบคุมตัว ตลอดจนการฝากขังต่อศาล
ด้าน กลุ่มเยาวชนปลดแอก เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประกาศนัดหมายรวมตัวหน้า สน.บางเขน พร้อมระบุว่า จะต้องไม่มีเยาวชนหรือประชาชนคนไหนถูกจับเพียงเพราะพูดความจริง อย่าปล่อยให้เราสู้เพียงลำพัง
ขณะที่เพจ ‘คณะประชาชนปลดแอก’ ประกาศอยู่เคียงข้างนักกิจกรรมที่ถูกรวบตัว โดยระบุว่า ในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของประชาธิปไตย หลายสิ่งหลายอย่างถูกโก่งราคาจนมีมูลค่ามหาศาลเกินกว่าจะนับได้ หนึ่งในนั้นคือ “เสรีภาพในการแสดงออก”แล้วเราจะยังคงนิ่งเฉยได้หรือ ?
ไม่เพียงแต่ทนายอานนท์ แต่ยังมีคนตัวเล็ก ๆ อีกมากมายที่จำเป็นต้องแบกรับ “ราคา” ของเสรีภาพในการแสดงออกนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะไม่ปล่อยให้ทนายอานนท์และผู้ที่ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยทุกคนต้องต่อสู้กับความอยุติธรรมอย่างโดดเดี่ยว
เราในฐานะประชาชน จะต้องร่วมปกป้องสิทธิและเสรีภาพอันเป็นอาภรณ์ติดตัวแต่กำเนิดของเรา ไม่ปล่อยให้ใครต้องสู้และแบกรับ “ราคา” ของเสรีภาพที่ถูกเผด็จการฉกฉวยอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป เราทุกคนจะร่วมกันต่อสู้ และทวงคืน สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย และอนาคตที่สดใสของเราทุกคนคืนมา
#คณะประชาชนปลดแอก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมส่งกำลังใจ และยืนหยัดอยู่เคียงข้างผู้ปกป้องประชาธิปไตยทุกคน เพราะถ้าไม่ใช่เรา แล้วจะเป็นใคร ?
ขณะที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า “ผมโดนหมายจับแล้ว ยังไม่ถูกจับกุมแต่จะไม่มีการมอบตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ผมจะขอยืนยันในแนวทางอารยะขัดขืน การจับครั้งนี้ไม่มีความชอบธรรมดังนั้นผมจะไม่ยอมรับกระบวนการใด ๆ”