เพโลซีถือเป็นนักการเมืองระดับสูงของสหรัฐฯ รองลงมาสองลำดับจากประธานาธิบดี ที่อาจจะเดินทางเยือนไต้หวัน นับตั้งแต่ปี 2540
อย่างไรก็ตาม จีนมองว่าไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันมีอำนาจปกครองเป็นของตนเอง เป็นเพียงแค่มณฑลหนึ่งของตน และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของจีนอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้ว่าตนจะต้องใช้กำลังทางการทหารเพื่อให้ได้ไต้หวันมาเป็นของตนโดยสมบูรณ์ก็ตาม
การเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความร้อนใจแก่จีนเท่านั้น หากแต่มีรายงานว่าฝ่ายบริหารของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้พยายามห้ามไม่ให้เพโลซีเดินทางไปเยือนไต้หวันเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไบเดนได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “กองทัพสหรัฐฯ มองว่าการเยือนไต้หวันของเพโลซีไม่ใช่ความคิดที่ดี” แต่ทำเนียบขาวกลับเรียกการโต้ตอบของจีนในครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องไร้ประโยชน์และไม่สำคัญ”
อย่างไรก็ดี กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า เพโลซีไม่ได้ประกาศแผนการเยือนไต้หวันแต่อย่างใด และแนวปฏิบัติของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งนี้ พรรคใหญ่ทั้งสองพรรคในรัฐสภาสหรัฐฯ รวมถึงประชาชนชาวอเมริกันต่างก็สนับสนุนไต้หวันอย่างเข้มแข็ง
จากการทำงานในฐานะนักการเมืองเป็นเวลา 35 ปีของเพโลซี เธอได้วิพากษ์วิจารณ์จีนอยู่ตลอด เธอเคยประณามจีนว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่เห็นด้วยกับกระบวนการประชาธิปไตย นอกจากนี้ เธอยังเคยเดินทางไปเยือนจัตุรัสเทียนอันเหมิน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อการสังหารหมู่ในปี 2532
แต่เดิมที เพโลซีเคยมีแผนเยือนไต้หวันในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่กลับต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากเธอติดเชื้อโควิด-19 เสียก่อน
จากการสอบถามของผู้สื่อข่าว เพโลซียังคงปฏิเสธที่จะพูดถึงรายละเอียดในการเดินทาง แต่เธอเคยกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “การสนับสนุนไต้หวันเป็นเรื่องที่สำคัญต่อพวกเรามาก”
จีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน และได้ย้ำหลายครั้งว่าจะผนวกไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจีนให้ได้ แม้จะต้องใช้กำลังก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทางการจีนได้แสดงท่าทีที่โกรธเกรี้ยวหลังมองว่าความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ กำลังไปในทางที่ดีขึ้น รวมถึงเมื่อตนรับรู้แผนการเยือนไต้หวันของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ทั้ง 6 คนในเดือน เม.ย.ทีผ่านมา
วันจันทร์ที่ผ่านมา (25 ก.ค.) จ้าวลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เตือนว่าจีนจะมี “มาตรการที่เข้มงวดและเด็ดขาด” หากเพโลซียังยืนยันที่จะเดินทางเยือนไต้หวัน และสหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบต่อผลร้ายแรงที่ตามมา นอกจากนี้ ถันเคอเฟ่ย โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน ยังได้กล่าวว่า “อาจจะมีการตอบโต้ทางการทหารเกิดขึ้นหากทางสหรัฐฯ ยังยืนยันที่จะเยือนไต้หวัน กองทัพจีนจะไม่นิ่งดูดาย และจะตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการแทรกแซงจากภายนอก และความพยายามที่จะแยกไต้หวันออกจากจีน”
ที่มา: