วันที่ 2 มิ.ย. 2565 มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณี เดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ยื่นถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้ดำเนินการถอดตนจากตำแหน่ง ส.ส. หลังมีพฤติกรรมใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ส. ข่มขู่ทนายเดชา โดยยืนยันว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ใครเห็นว่าผิดก็สามารถยื่นร้องเรียนได้
แต่ มงคลกิตติ์ ขอปฏิเสธที่กล่าวหาว่าตนเป็นอั้งยี่ซ่องโจร เพราะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ถ้าตนเลวขนาดนั้นไม่ต้องมาร้องเรียนตน ถ้าไม่ได้ด้วยภาระอันใหญ่หลวงที่ประชาชนฝากความหวังมา หรือเลือกตนมาตั้งพรรค การตั้งพรรคการเมืองต้องมีอุดมการณ์ ถ้าขาดอุดมการณ์ก็ไปไม่ได้ ดังนั้น อุปสรรคแต่ละเรื่องที่ผ่านมาเยอะ การทำประโยชน์ให้แก่ประชาชน ไม่ใช่เรื่องง่าย พร้อมยืนยันว่า ที่โทรไปคุยกับทนายเดชา ตนไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่ เพียงแต่สร้างความเข้าใจและตักเตือนทนายเดชาเท่านั้น และขอให้ไปถามทนายเดชาว่า ข่มขู่อะไรตนไว้บ้าง
“ถ้าผมไม่สามารถดูแลประชาชนได้ ดูแลแม่น้องแตงโมได้ ผมไม่ต้องเป็นผู้แทนราษฎรหรอก ไม่มีน้ำหน้ามาใส่บัตรผู้แทนราษฎรนี้หรอก ผมไม่ใส่” มงคลกิตติ์ กล่าวพร้อมน้ำตา พร้อมกับดึงบัตรประจำตัว ส.ส. ออกจากเสื้อ
มงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า หากตนไม่สามารถคุ้มครองแม่ของแตงโมได้ ก็ไม่มีหน้าจะเป็น ส.ส. และคนอย่างตนเองหากคิดจะสู้ ไม่กลัวการตรวจสอบ รวมถึงไม่กลัวการติดคุก ตนทราบดีว่าโทษสูงสุดของการขัดจริยธรรม ส.ส คือไม่ได้เป็น ส.ส.อีก แต่ตนพร้อมจะแลก หากช่วยให้กระบวนการยุติธรรมดีขึ้นได้ เพราะยังมีคนอื่นทำหน้าที่แทนตามอุดมการณ์ของพรรคไทยศรีวิไลย์ ทั้งยังย้ำว่า ความตั้งใจคือ หากทำคดีนี้เสร็จสิ้นก็จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. อยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.ต่อ ตอนนี้ เพื่อให้ความเดือดร้อนของประชาชนผ่านพ้นไปด้วยดี
ทั้งนี้ มงคลกิตติ์ ยังฝากไปยังทนายทั้ง 4 คนว่า ให้ดูด้วยว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ และท่านทำอะไรอยู่ เพราะตนพยายามช่วยเหลือแม่แตงโมทุกทางที่ทำได้ แต่ทนายทั้ง 4 คน กลับพยายามระงับกระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวไม่โกรธที่จะไปร้องเรียน แต่เสียใจเพราะจะทำให้เสียเวลาในการต่อสู้คดี ขอร้องอย่าวางตะปูเรือใบ และ มงคลกิตติ์ ยังยกบทกวีของ ศรีปราชญ์ ฝากถึงทนายทั้ง 4 คน ว่า
“ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิด 4-5 คนมาประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง”