ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขเปิดโครงการรับยาใกล้บ้าน มุ่งอำนวยความสะดวกประชาชน ด้านผู้ใช้บริการปลื้ม ลดภาระค่าใช้จ่าย-ประหยัดเวลา

ที่ร้าน save drug center บิ๊กซี แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศักดิ์ชัย กาญจวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และคณะ เปิดตัวโครงการรับยาใกล้บ้าน ตามนโยบายการลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยร้านยาแผนปัจจุบัน และให้สัมภาษณ์ว่า 

สำหรับงานนี้ เป็นการบูรณาการระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภสพแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน วันนี้ เราจะสร้างความคุ้นเคยกับระบบดังกล่าว ซึ่งร่นระยะเวลาในการรอรับยาที่โรงพยาบาล ลดความแออัดในโรงพยาบาล โดยร้านขายยาจะได้ค่าบริหารจัดการปีละประมาณ 3.3 หมื่นบาท ซึ่งร้านขายยา จะมีรายได้เสริมจากการส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยในรูปแบบต่างๆ เรียกว่าเป็นธุรกิจแบ่งปัน นอกจากการจัดยาตามใบสั่งก็อาจจะขายอุปกรณ์เสริมสุขภาพเพิ่มเติม หวังว่าจากนี้ จะมีร้านขายยามาเข้าโครงการเพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายการให้บริการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ 

"ในช่วงเริ่มต้นโครงการจะดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด และโรคทางจิตเวช รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นที่ไม่ซับซ้อน ยาที่ผู้ป่วยจะได้รับจากร้านยาในระยะแรกจะเป็นยาที่จัดส่งมาจากโรงพยาบาล เป็นยารายการเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย"

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญของโครงการนี้คือการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลและร้านยา ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการส่งข้อมูล โดยโรงพยาบาลจะจัดส่งเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นของผู้ป่วยให้กับร้านยาเพื่อให้จ่ายยาและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยได้ และจะมีการประเมินสุขภาพและความพึงพอใจหลังดำเนินโครงการเพื่อปรับปรุงด้านบริการของโรงพยาบาล เช่น มีเวลาดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมคุณภาพยาในหอผู้ป่วย เป็นต้น 

จากนั้น นายอนุทิน และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมกิจกรรมการจ่ายยานอกโรงพยาบาลที่ร้านขายยา Pure บิ๊กซีแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นร้านขายยาในเครือข่ายของโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

อนุทิน สาธิต กระทรวงสาธารณสุข 85.jpg

ด้าน น.ส.สุวลี ศรีประเสริฐ ประชาชน ที่มาใช้บริการกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ส่วนตัวเป็นเบาหวาน ความดัน และมีปัญหาปริมาณไขมัน ต้องไปโรงพยาบาล เพื่อรับยาชุดเดิม แต่ต้องเดินทางไกล เสียเวลาเป็นชั่วโมง เมื่อถึงโรงพยาบาล ต้องรอถึง 2-3 ชั่วโมงกว่าจะได้รับยา แต่เมื่อมีโครงการนี้ จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปได้มาก จากนี้จะช่วยประชาสัมพันธ์โครงการให้

เช่นเดียวกับ น.ส.โสภา มีชัย ผู้ป่วยโรคความดัน กล่าวว่า บ้านอยู่แถวแจ้งวัฒนะ แต่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลราชวิถี เสียเวลาครั้งละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง การมีโครงการดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก ส่วนเรื่องความมั่นใจ ขอบอกว่าเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นโครงการที่รัฐดูแล หากมีความไม่ชอบมาพากล ย่อมสามารถตรวจสอบ และหาผู้รับผิดชอบได้

ร้านยาชุมชน หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 39652.jpg

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านยาแผนปัจจุบัน ข.ย.1 ที่มีเภสัชกรประจำร้าน ซึ่งจะมีป้ายสัญลักษณ์ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ที่หน้าร้าน ขณะนี้มีโรงพยาบาลในต่างจังหวัดและกทม.ที่ขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการแล้ว 35 แห่ง และร้านยากว่า 300 แห่ง จะดำเนินการให้ครบ 50 โรงพยาบาล 500 ร้านยา ในปีงบประมาณ 2563  ผู้ป่วยที่สนใจสามารถสอบถามรายชื่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ สายด่วน สปสช.1330 

โดยค่าใช้จ่ายโครงการเบื้องต้น ใช้งบประมาณ 153 ล้านบาท เป็นค่าจัดบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ของร้านยา 70 บาทต่อครั้ง (อ้างอิงตามประกาศค่าบริการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2560) และค่าจัดบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ของหน่วยบริการร่วมกับร้านยา เหมาจ่ายอัตรา 33,000 บาทต่อร้านยา 1 แห่งต่อปี