นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงชี้แจงกรณี ส.ส.ของพรรค 4 คน โหวตสวนมติวิปฝ่ายค้านในการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ ( กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฝืนมติวิปฝ่ายค้านหรือเป็นงูเห่าของ ส.ส.ในพรรค ตามที่มีการกล่าวอ้าง
โดยเฉพาะ ส.ส. ในพรรค ที่มักพูดว่าจะปรึกษาหารือกับตนในทุกเรื่องสำคัญ แต่การลงมติดังกล่าวไม่ได้มีการหารือแต่อย่างใด และยืนยันว่า ไม่มีการประชุมหรือเป็นมติพรรคเศรษฐกิจใหม่แต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่ามีรายงานบันทึกการประชุมพรรคด้วย
นายมิ่งขวัญ ยังฝากถึง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ทุกคนว่า ใครพูดและทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ และขอให้นึกถึงความรู้สึกวันที่เชิญตนมาร่วมงานกับพรรค จนกระทั่งเมื่อพูดถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ สังคมก็จะนึกถึงตนหรือเรียกว่า "พรรคลุงมิ่ง" ซึ่งเชื่อว่าตนมีส่วนสำคัญที่ทำให้พรรคมีที่นั่ง ส.ส.ในสภาฯ พร้อมย้ำถึงจุดยืน 3 อย่างคือ
1.ความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เอาเงินเป็นตัวตั้งของชีวิต
2.ต้องรู้ตัวเองว่าตัวเองมีจุดแข็งตรงไหน ซึ่งตนมีจุดแข็งคือ ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ
3.เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
นายมิ่งขวัญ กล่าวด้วยว่า ทุกครั้งที่มีปัญหาทางพรรคจะให้ตัวเองออกหน้ารวมถึงการชี้แจงเรื่องการจะมีงูเห่าในพรรคหรือไม่เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในการแถลงข่าวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก เพราะตกลงกันไว้ว่าจะพูดยืนยันกับสื่อมวลชนและสาธารณชนเพียง 2 คน แต่สุดท้ายเลขาธิการพรรค ก็ถือโอกาสพูดเป็นคนที่ 3 สะท้อนถึงความอึดอัดในการทำงานร่วมกับฝ่ายค้าน ถึงแม้ตนไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออก เพราะต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ และทุกคนต่างยืนยันแล้วว่าได้มาไม่ได้มีการดีลผลประโยชน์กับใครหรือจะไม่เป็นงูเห่าแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ตัวเองถูกพาดพิงและเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง
นายมิ่งขวัญ ยืนยันว่า ยังสังกัดพรรคเศรษฐกิจใหม่ในฐานะ ส.ส. ที่เป็นสมาชิกพรรค และยังมีจุดยืนทางการเมืองเช่นเดิมในการร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยในฐานะฝ่ายค้านในสภาฯ
นายมิ่งขวัญ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองและทิศทางของพรรคเศรษฐกิจใหม่ว่าจะพลิกขั้วไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยตอบเพียงว่า "ไม่ทราบ" เนื่องจากไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งประเด็นต่างๆ ต้องไปถามหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง