นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวีเวทีทัศน์ โดยระบุถึงความเสื่อมที่รัฐบาลกำลังผจญอย่างหนักจากการไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ รวมทั้งความเสื่อมกำลังลุกลามไปถึงนักการเมืองอีกด้วย ความเสื่อมทางเศรษฐกิจจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของรัฐบาล ยิ่งเศรษฐกิจแย่ อยู่ได้ครึ่งปีก็เก่งแล้ว ทั้งนี้ การอยู่หรือไปของรัฐบาลไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงในสภา หากคิดว่า สามารถรวมพวกงูเห่าให้มาก หรือทำให้เป็นสถานที่เสาวภานั้น คิดผิด เพราะจะยิ่งทำให้เสื่อมและไปเร็วยิ่งขึ้น หากรัฐบาลต้องการอยู่นานต้องมีความรับผิดชอบด้วย
นายจตุพร ระบุว่า ฝ่ายค้าน ถ้ามีงูเห่า ต้องกล้าจัดการกับพวกงูเห่า อย่ากลัวเสียคะแนน ต้องกล้าลงดาบ จะเหลืออยู่เท่าไรก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ต้องกล้าขับให้เด็ดขาด ส่วนฝ่ายรัฐบาล ที่พังในอดีตทั้งหลายนั้น ล้วนพังในช่วงที่มีเสียงข้างมากทั้งนั้น ถ้าคิดว่า เอา ส.ส.มามาก ไม่จำกัดวิธีการ ประวัติศาสตร์บอกไว้ว่า อยู่ไม่ได้
“ขณะนี้ รัฐบาลเอาแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แล้วสร้างปัญหาระยะยาว จึงต้องเสียทางการเมือง เสียความชอบธรรม ก็จะเข้าสู่ความเสื่อม ส่วนฝ่ายค้าน ไม่กล้าตัดสินใจพวกงูเห่า ก็จะเสื่อมเช่นกัน และความเสื่อมจะลุกลามไปยังประชาชน จนหมดศรัทธา แล้วเกิดวิกฤตศรัทธากัน"
นายจตุพร ย้ำว่า ในปัจจุบันถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้เศรษฐกิจได้ นโยบายที่ประกาศไว้ช่วงหาเสียงก็ทำไม่ได้ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ ดังนั้น 6 เดือน ถ้าเอาเศรษฐกิจไม่รอด ควรแสดงความรับผิดชอบเสีย เหมือนนายกรัฐมนตรีในอดีตหลายคน ที่ลาออก แสดงความรับผิดชอบ
“วันนี้ต้องยอมรับความจริงประชาชนยากลำบาก เมื่อการเมืองเสื่อมด้วยจะฉุดเศรษฐกิจย่อยยับไปหมด หากไม่มีปัญญาแก้เศรษฐกิจแล้ว อย่าให้เดือดร้อนถึงประชาชนเลย นักการเมืองทั้งสองฝ่าย อย่าเล่นเกมให้เกิดความเสื่อมกันนัก ฝ่ายค้านอย่ากลัว ต้องกล้าจัดการงูเห่า อย่าไปสนใจเสียงงูเห่า และ รัฐบาลเช่นกันอย่าคิดแต่เอาเสียงให้มากมาค้ำอำนาจ ซึ่งจะอยู่ไม่ยาวเช่นกัน”
นายจตุพร กล่าวว่า สถาพการเมืองปัจจุบันจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองวันไหนก็ได้ เมื่อเศรษฐกิจไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะความทุกข์ยากของประชาชนมันหนัก ไปไกล ยากลำบากที่สุดแล้ว ตนเชื่อว่า อย่างไงก็พัง เพราะความเสื่อมตามติดการเมืองมากระชันชิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง