ไม่พบผลการค้นหา
หนังสือเดินทางไทยอยู่ที่อันดับ 70 ใน 'ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์' ปี 2019 หล่นจากอันดับ 65 ในปีที่แล้ว สามารถเดินทางไปได้ 74 ประเทศทั่วโลก 'ไม่ต้องขอวีซ่า' หรือ 'ขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง' ส่วนประเทศที่พาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุด คือ 'ญี่ปุ่น-สิงคโปร์'

เฮนลีย์แอนด์พาร์ตเนอร์ส (Henley & Partners) ผู้นำด้านการวางแผนที่อยู่อาศัยและการขอสัญชาติ เผยแพร่ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ (Henley Passport Index) ประจำปี 2019 ซึ่งเป็นการจัดอันดับว่าหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของประเทศใดที่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ได้มากที่สุดในโลก โดยอ้างอิงข้อมูลที่ได้จากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA

ผลสำรวจในปีนี้บ่งชี้ว่าอันดับ 1 พาสปอร์ตทรงอิทธิพล ได้แก่ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ โดยผู้ถือพาสปอร์ตสองประเทศนี้สามารถเดินทางไปยัง 189 ประเทศและเขตบริหารพิเศษทั่วโลกได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือขอวีซ่าที่ช่องตรวจลงตรา ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on arrival (VoA) รวมถึงวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ (eTA) แต่ญี่ปุ่นติดอันดับประเทศพาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 และสิงคโปร์ขึ้นจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว

ส่วนพาสปอร์ตทรงอิทธิพลอันดับ 2 เป็นของเกาหลีใต้ ฟินแลนด์ เยอรมนี สามารถเดินทางไปจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วโลกได้ทั้งหมด 187 แห่ง อันดับ 3 ได้แก่ เดนมาร์ก อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เดินทางไปได้ 186 ปลายทางทั่วโลก อันดับ 4 ได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน สวีเดน เดินทางไปได้ 185 จุดหมายปลายทาง และอันดับ 5 ได้แก่ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ เดินทางไปได้ 184 จุดหมายปลายทางทั่วโลก

ผลจัดอันดับของดัชนีเฮนลีย์ระบุด้วยว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นประเทศที่ไต่อันดับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับสถิติในปีที่ผ่านมา โดยสามารถเข้ามาอยู่ที่อันดับ 20 ของโลกได้เป็นครั้งแรก สามารถเดินทางไปได้ 167 จุดหมายปลายทางทั่วโลก 

ส่วน 5 ประเทศที่พาสปอร์ตทรงอิทธิพลน้อยที่สุดจากจำนวน 199 ประเทศทั่วโลกที่สำรวจและเก็บข้อมูลในปีที่ผ่านมา ได้แก่ โซมาเลีย ปากีสถาน ซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน

graphic-ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์-พาสปอร์ตไทยไปไหนได้บ้าง 2019

ขณะที่พาสปอร์ตไทยสามารถเดินทางไปได้ 74 จุดหมายปลายทางทั่วประเทศ ลดลงจาก 75 จุดหมายปลายทางเมื่อปีที่แล้ว แบ่งเป็นโซน 'เอเชีย' 22 ประเทศ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมดไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่ กัมพูชา บรูไน มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ส่วนประเทศและเขตบริหารพิเศษที่อยู่นอกกลุ่มอาเซียนที่ไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มองโกเลีย ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า ขณะที่คีร์กิสถาน ติมอร์เลสเต ทาจิกิสถาน เนปาล มัลดีฟส์ ต้องขอวีซ่าแบบ VoA ส่วนประเทศที่ขอวีซ่าแบบ eTA ได้แก่ ศรีลังกา ปากีสถาน

โซน ยุโรป มี 2 ประเทศ ได้แก่ รัสเซียและแอลเบเนีย ส่วน แอฟริกา มี 19 ประเทศ โดยประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า มีอยู่ 2 ประเทศ ได้แก่ เซเนกัล เซาท์แอฟริกา ส่วนประเทศที่เหลือต้องขอวีซ่าแบบ VoA ได้แก่ กาบูเวร์ดี กินนีบิสเซา เคนยา โคโมเรส เซเชลส์ แซมเบีย เซาท์แอฟริกา โซมาเลีย แทนซาเนีย โทโก มอริเชียส มอริเตเนีย มาดากัสการ์ มาลาวี โมซัมบิก ยูกันดา รวันดา และเอธิโอเปีย

ต่อมา โอเชียเนีย รวม 11 ประเทศ แบ่งเป็น เดินทางได้ไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่ นีอูเอ ฟิจิ ไมโครนีเซีย วานูอาตู หมู่เกาะคุก ส่วนที่ต้องขอวีซ่าแบบ VoA ได้แก่ ปาปัวนิวกินี ปาเลา หมู่เกาะโซโลมอน หมู่เกาะมาร์แชลส์ ซามัว และตูวาลู ตามด้วย แคริบเบียน รวม 5 ประเทศ ได้แก่ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ โดมินิกา โดมินิกัน เฮติ แต่กรณีของ 'เซนต์ลูเซีย' ต้องขอวีซ่า VoA

อเมริกา 9 ประเทศ แบบไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่ ชิลี บราซิล เบอร์มิวดา ปานามา เปรู อาร์เจนตินา เอกวาดอร์ และขอวีซ่าแบบ VoA ได้แก่ โบลิเวีย นิคารากัว ตามด้วย ตะวันออกกลาง รวม 6 ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่าเมื่อเดินทางไปยังกาตาร์ จอร์เจีย แต่ต้องขอวีซ่าแบบ VoA ได้แก่ จอร์แดน บาห์เรน อาร์เมเนีย อิหร่าน

พาสปอร์ตไทย-ดัชนีเฮนลีย์-หนังสือเดินทางไทย2019
  • ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ระบุว่าไทยสามารถเดินทางไปจุดหมายปลายทาง 74 แห่งทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือขอวีซ่าแบบ VoA และ eTA ในปี 2019 แต่ผู้ใช้สื่อโซเชียลในไทยตั้งคำถามถึงความถูกต้อง เนื่องจากไม่มี 'ตุรกี' รวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากรายงานข้อมูลหนังสือเดินทางไทยที่จัดอันดับโดยดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ออกไป มีการตั้งคำถามในหมู่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ถึงความถูกต้องของดัชนีดังกล่าว ซึ่งไม่ได้รวม 'ตุรกี' ในประเทศจุดหมายปลายทางที่ไม่ต้องขอวีซ่า

เมื่อตรวจสอบไปยังเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศตุรกี ก็มีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเข้าประเทศตุรกีได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ได้นาน 30 วัน ส่วนผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ไม่ต้องขอวีซ่าและสามารถอยู่ได้นาน 90 วัน

(แก้ไขเพิ่มเติม: 14:45 น. วันที่ 6 กรกฎาคม 2562)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: