ไม่พบผลการค้นหา
ปีแห่งการ 'พอกันที' กับการรอคอยภาครัฐ คอลัมน์ 'อนาคตอยู่นอกกรุงเทพ' สรุปรวมปรากฏการณ์พัฒนาขนส่งสาธารณะต่างจังหวัด ด้วยความพยายามของชุมชนเอง

ปี 2018 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจรากหญ้าจะซบเซาจากภาวะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง พ่อค้าแม่ค้าต่างจังหวัดโอดครวญและต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหนาสาหัสจากกำลังซื้อที่ลดลง แม้แต่ภาคท่องเที่ยวก็ประสบปัญหาจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป ภาวะความเดือดร้อนดังกล่าวนั้นไม่ทำให้คนค้าขายถอดใจยอมแพ้ แต่ทุกฝ่ายต่างระดมความคิดเพื่อที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบ้านเมืองของตนเองให้ก้าวหน้าและคึกคัก แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมจากภาครัฐส่วนกลาง หรือในบางครั้งก็ถูกขัดขวางด้วยข้อกฎหมายและมาตรการต่างๆ ที่ไม่สะดวกต่อการพัฒนา


ขอนแก่น: รถไฟฟ้ารางเบา ขยายสายรถเมล์

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเมืองด้วยตัวเองซึ่งทุกคนจับตามอง ก็เห็นจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากจังหวัดขอนแก่น ที่ชูธงจะสร้างรถไฟฟ้ารางเบาด้วยกำลังของเอกชนในพื้นที่คือบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมืองจำกัด เกิดจากการระดมทุนของเอกชนขนาดใหญ่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ปัจจุบันความคืบหน้าอยู่ในชั้นขายซองประมูลเพื่อก่อสร้างแล้ว แต่ยังติดขัดที่ขั้นตอนการรออนุมัติการใช้ที่ดินจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพัฒนาพื้นที่ จึงยังไม่เกิดการก่อสร้างจริงตามแผนที่หวังไว้ว่าจะสร้างภายในปลายปี 2018 นี้ และคาดว่าจะได้เริ่มตอกเข็มก่อสร้างจริงในราวกลางปี 2019

อย่างไรก็ตาม ทางเทศบาลนครขอนแก่นและบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง ได้ร่วมมือกับเมืองฮิโรชิม่าของญี่ปุ่น รับเอารถรางเมืองฮิโรชิม่ามาทดลองวิ่งชั่วคราว บริเวณรอบสวนสาธารณะบึงแก่นนครซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพของการมีระบบขนส่งสาธารณะแบบรางชัดเจนขึ้นในขอนแก่น นอกจากนี้ รถเมล์ปรับอากาศขอนแก่น ยังได้ขยายสายการเดินรถเพิ่มขึ้นเป็น 3 สาย ครอบคลุมการเดินทางจากสนามบินถึงสถานีขนส่ง และมหาวิทยาลัยขอนแก่น แม้ว่าจะยังประสบภาวะขาดทุนอยู่ราว 15 ล้านบาท แต่การเดินรถเมล์เป็นประจำและมีตารางเวลาที่ชัดเจน รวมถึงสามารถติดตามรถเมล์ผ่านแอพพลิเคชัน KKtransit ได้ ทำให้ความนิยมในการใช้รถสาธารณะ ทั้งในหมู่ประชาชน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวในขอนแก่นค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ใช้รถสองแถวอยู่แล้ว

เมื่อจังหวัดขอนแก่นริเริ่มการสร้างระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่ด้วยตัวเอง ทำให้เอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายอื่นขยับขับเคลื่อนตัวเองตามไปด้วย ประการหนึ่งคือมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะทำได้ เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นที่ขอนแก่นมาก่อนแล้ว อีกประการหนึ่งคือ ความรู้สึกแข่งขันกันในหมู่นักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่น ที่ไม่อยากถูกทิ้งไว้ให้ล้าหลัง และอยากมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับเมืองอื่น


เชียงใหม่: สมาร์ทบัส

ที่เชียงใหม่ ซึ่งมีปัญหารถแดงและแท็กซี่สนามบินเอารัดเอาเปรียบมีปัญหากับนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง ได้เกิดรถเมล์สนามบิน หรือเมล์น้ำเงิน เชียงใหม่สมาร์ทบัส เพื่อแก้ไขความสับสนและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว วิ่งในเส้นทาง สนามบิน-นิมมาน-เมืองเก่า ค่าโดยสาร 20 บาท ตลอดสาย ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

โดยตลอดระยะเวลาการเดินรถ แม้ว่าชาวบ้านในพื้นที่จะยังไม่ได้ใช้บริการมากเท่าที่ควร แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติ ก็ช่วยให้การเดินทางในเชียงใหม่สะดวกสบายและไว้ใจได้มากขึ้น ในส่วนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาของเชียงใหม่ซึ่งรัฐบาลประกาศไว้ในแผนยุทธศาสตร์นั้น ยังไม่เห็นความคืบหน้าหรือความเคลื่อนไหวที่จะเป็นไปได้


ภูเก็ต: รถเมล์ Airport Express

ที่ภูเก็ต ก็มีการเริ่มต้นทดลองเดินรถเมล์สนามบิน-หาดป่าตอง เป็นรถเมล์สีฟ้าด่วนพิเศษ Airport Express ราคา 50-120 บาท มีจุดจอด 10 แห่ง เดินรถวันละ 18 เที่ยว ช่วยบรรเทาความลำบากของการหารถเดินทางออกจากสนามบินภูเก็ตที่มีราคาแพงได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความถี่และจุดจอดของรถเมล์ที่ยังมีน้อย ทำให้ยังไม่เป็นที่รู้จักและนิยมมากนัก นักท่องเที่ยวยังอาศัยรถตู้หรือรถรับจ้างที่มีราคาใกล้เคียงกันแต่สามารถไปถึงจุดหมายได้ทันทีไม่ต้องจอดแวะป้ายตามทาง


อุดรธานี: อุดรธานีซิตี้บัส

ที่อุดรธานี ได้เปิดตัวอุดรธานีซิตี้บัส รถเมล์ปรับอากาศ 3 สาย ซึ่งจะเริ่มเดินรถในปลายเดือนธันวาคม เพิ่มเติมจากรถเมล์เหลืองและรถเมล์ขาวดั้งเดิมที่เหลือจำนวนรถวิ่งน้อยจากสภาพความเก่าแก่ และทดแทนรถสองแถวเดิมที่มีผู้ขับน้อยลง เพื่อช่วยลดความแออัดและติดขัดของการจราจรภายในเมือง และเชื่อมต่อการเดินทางกับสนามบินให้สะดวกมากขึ้น แม้จะติดขัดขั้นตอนทางกฎหมายจนต้องชะลอมาหลายครั้งแต่ก็น่าจะเริ่มดำเนินการได้จริงในปี 2019 นี้

ระบบขนส่งมวลชนที่ดีในตัวเมืองนี้เอง ที่จะช่วยบรรเทาภาวะการจราจรติดขัดในหัวเมืองต่างจังหวัด ที่นับวันจะเริ่มรุนแรงขึ้น อย่างเช่นเชียงใหม่ มีคำกล่าวกันว่า แยกรินคำ วิ่งลงไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมากินยังทันรถไม่ขยับไปไหน เพราะเมื่อระบบขนส่งมวลชนไม่ดีพอ คนก็จะขวนขวายหารถส่วนบุคคลมาใช้งานเพื่อลดความลำบาก และเมื่อซื้อรถมามากขึ้น รถก็ยิ่งติดมากขึ้นไปอีก และก็ต้องย้ายบ้านออกไปอยู่ชานเมืองที่ความแออัดน้อยลง ซึ่งก็ยังต้องใช้รถเดินทางมากขึ้นไปอีก ความติดขัดก็ยิ่งกระจายไปทั่ว

เมื่อเมืองๆ หนึ่งขยับสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวก็จะกระเทือนไปยังเมืองอื่นๆ และจะส่งผลต่อผู้กำกับนโยบายและกฎหมายส่วนกลาง จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่บังคับใช้กฎหมายและบริหารประเทศนั้น จะเห็นความสำคัญและลดขั้นตอน ปรับปรุงกฎหมายเพื่อเอื้อให้เกิดความเจริญพัฒนากระจายไปทุกพื้นที่ หรือจะหวงอำนาจกีดขวางควบคุมไว้โดยอ้างแต่กฎหมายโบราณคร่ำครึ แล้วกดความคิดสร้างสรรค์ของเหล่านักพัฒนาต่างจังหวัดรุ่นใหม่ให้ดับลงไป