ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.หนองบัวลำภู พท.เปิดข้อมูล คสช.ทำแผนแม่บทเพิ่มศักยภาพสุวรรณภูมิบิดเบี้ยว ก่อสร้างล่าช้า ใช้งบฯ สิ้นเปลือง ทำเสียโอกาสท่องเที่ยวมหาศาล

วันที่ 26 ก.พ. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

นายไชยา พรมมา ส.ส.จังหวัดหนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตลอดการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไร้ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ปล่อยปละละเลยให้มีการเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง และหากปล่อยให้บริหารประเทศอีกต่อไปจะนำมาซึ่งความเสียหายและภาระอันใหญ่หลวงของประเทศ

นายไชยา กล่าวว่า ปัจจุบันมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสมัยก่อนถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลก แต่ปี 2561 ถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 36 ของโลก และปี 2562 ร่วงลงมาเป็น 46 ของโลก คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับสุวรรณภูมิ

ตนพบว่า ภายลังจากรัฐประหารได้ 1 เดือน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบอร์ด บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท.พร้อมกับมีคำสั่งให้ทบทวนแผนการก่อสร้างขยายสุวรรณภูมิในเฟสที่ 2 อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (อาคารแซทเทิลไลท์ 1) 28 หลุมจอด , ระบบการติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) , การขยายอาคารผู้โดยสารปัจจุบันฝั่งตะวันออกและรันเวย์ฝั่งตะวันตก รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวม มูลค่า 6.2 หมื่นล้านที่มีการอนุมัติไปแล้ว เมื่อ 24 ส.ค.2553

คสช.โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้มีการทบทวนแผนการก่อสร้างดังกล่าว แล้วให้เสนอพื้นที่ใหม่ พูดง่ายๆ ว่า "อันเก่าไม่ต้องทำ ให้ไปทำอันใหม่" ที่เรียกว่า ส่วนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ใช้งบประมาณ 4.2 หมื่นล้าน

“ถ้าไม่ คสช.เข้ามา ทุกอย่างต้องเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2560 รองรับผู้โดยสารได้รวม 70 ล้านคน แต่วันนี้ล่าช้ามาถึง 2563” นายไชยา กล่าว

ไชยา

ส.ส.เพื่อไทย กล่าวต่อว่า โครงการส่วนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ งบฯ 4.2 หมื่นล้าน ซึ่งระบุว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 25 เดือนนั้น มีเพียงแต่ตัวอาคาร ไม่มีหลุมจอดเพิ่มเติม ที่สำคัญโครงการนี้ยังไม่มีการออกแบบ ไม่มีศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังไม่ผ่านความเห็นสภาพัฒน์ และคณะรัฐมนตรี ขณะที่พื้นที่ก่อสร้างยังมีปัญหา เนื่องจากบริเวณใต้ดินมีท่อน้ำมันและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ จำเป็นต้องใช้เวลาในการรื้อถอน และมั่นใจได้เลยว่าจะทำให้เวลาก่อสร้างรวมนั้นเลย 25 เดือนอย่างแน่นอน

โครงการนี้ยังใช้งบประมาณสูงเกินจริง เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายทางด้านทิศตะวันออกและตกรวมกัน โดยตัวเลขต่างกันถึง 3 หมื่นล้านบาท นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง

ส.ส.เพื่อไทย ยังตั้งคำถามถึงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 900 ไร่ในสนามบิน และรถไฟฟ้าโมโนเรลภายในสนามบิน เพื่อสนับสนุนชอปปิงมอลล์ว่า คุ้มค่าหรือตรงเป้าประสงค์ของการเป็นสนามบินที่มีคุณภาพระดับโลกหรือไม่ 

นายไชยา ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้คำสั่งและอำนาจทางการเมือง เปลี่ยนแปลงแผนแม่บทจนเกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง กระทบกับการเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารและการท่องเที่ยว

“สนามบินสุวรรณภูมิไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสมบัติของชาติ มีหน้าที่บริหารทรัพยากรของชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศนี้”

“รัฐบาลต้องรับผิดชอบ มันควรเสร็จตั้งแต่ 2560 นี่ปี 2563 ยังไม่เห็นรูปร่าง แล้วของดีไม่เอา จะเอาของแพงกว่า เร็วๆ นี้กำลังจะมีการเสนอโครงการต่อ ครม.มันงอกมาอีก 3 พันล้านเป็น 4.5 หมื่นล้านบาท ผมถึงไม่อาจจะให้ความไว้วางใจกับท่านได้อีก” นายไชยา กล่าวว่า