วันที่ 31 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายชี้ว่า เหตุการณ์อภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้จะไม่เกิดขึ้น หากรัฐบาลโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว. สาธารณสุข สามารถบริหารรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ และไม่เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนติดเชื้อจำนวนมากและเสียชีวิตรายวันหรือเฉลี่ยชั่วโมงละไม่ต่ำกว่า10 คน รวมผู้เสียชีวิตขณะนี้ราว 12,000 คน
ช่วงหนึ่งระหว่างการอภิปราย นพ.ชลน่านอภิปรายด้วยเสียงสั่นเครือ เชิญชวนให้สมาชิกในห้องประชุมสภาฯ ลุกขึ้นร่วมกันไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในสถานการณ์โควิด- 19 นาน 1 นาที เพื่อส่งดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต หลายคนที่เสียชีวิตไม่สามารถให้เห็นหน้าครอบครัวก่อนเสียชีวิต ไปสู่สุขคติ
นพ.ชลน่าน ระบุว่า หวังให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการลาออก โดยบริหารราชการผิดพลาด บกพร่องล้มเหลว เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ไร้ภูมิปัญญา ไร้วิสัยทัศน์ รวบอำนาจ ทุจริตหากินบนความตาย ตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมชี้ว่าหมอประยุทธ์รักษาประเทศไทยไม่ได้ เพราะสั่งการบนพื้นฐานที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตการกดตัวเลขผู้ติดเชื้อ ด้วยการตรวจหาเชื้อน้อย ไม่ใช่ผลตรวจ ATK ในการวินิจฉัยโรค
นพ.ชลน่าน ว่าในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 รัฐบาลควรให้บุคลากรทางการแพทย์เป็นประธานคณะทำงานแต่กลับให้ตัวเองรวบอำนาจสั่งการทั้งที่เป็นทหาร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจต่อสถานการณ์โควิด ทำให้เกิดความล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาด ทั้งกรณีการปิดแคมป์คนงาน ส่งผลให้เกิดผึ้งแตกรัง แรงงานแห่กลับต่างจังหวัด
นพ.ชลน่าน ระบุว่า หลังจากการเสร็จสิ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านยืนยันจะยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เอาผิดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ข้อกล่าวหาปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และไม่สุจริต มีพฤติกรรมฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญต่อกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรี รวมถึงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี และไม่เข้าโครงการโคแวกซ์ และกรณีการประมูลจัดซื้อชุดตรวจ ATK ที่มีการแก้ไขข้อสั่งการว่าไม่ต้องผ่านการรับรองจากองการอนามัยโลก และทั้งหมดในการอภิปรายนั้น จึงไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข
นายกฯ เสียใจคนตายจากโควิด ไม่อาจไปค้าความตาย
เวลา 18.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า ระบบสาธารณสุขไทยไม่ได้ล้มเหลว มีมาตรการควบคุมแต่ละช่วงแตกต่างกัน ไม่มีใครต้องการละเว้นในสิ่งที่ต้องกำกับดูแล มีมาตรการเฝ้าระวัง ควบคุมโรค การสุ่มตรวจเชิงรุก ส่วนเรื่องชุดตรวจ ATKนั้น รัฐบาลจัดหามา 8.5 ล้านชิ้น ให้สอดคล้องสถานการณ์ ยืนยันไม่เคยสั่งการให้ซื้อชุดเอทีเคที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก จำได้ว่าไม่ได้พูด ถอดเทปการประชุมดูก็ไม่มี และตอนนั้นยังไม่มีการรับรองมาตรฐานจากองค์การอนามัยโลกให้กับประชาชน เรื่องโควิด-19 จะไม่โทษใคร เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกัน ช่วงแรกอาจมีการตกหล่น เพราะโรงพยาบาลเต็ม แต่ก็มีการพัฒนาแก้ปัญหา จนสถานการณ์ดีขึ้น ไม่มีการปกปิดยอดตามที่พูด
"ผมเสียใจ ที่มีการสูญเสียบาดเจ็บ ไม่มีใครอยากทำให้เกิดขึ้น ผมไม่อาจไปค้าความตาย อย่าใช้คำพูดที่เวอร์ เกินไปเลย ใครเสียชีวิต ก็ไม่มีความสุข ยิ่งเสียชีวิต ผมเป็นนายกฯ ก็เสียใจอยู่แล้ว ผมแบกรับชีวิตของท่านไว้ด้วย ผมไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหาหรอกครับ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ลั่นฉีดวัคซีนให้้คนไทย 50 ล้านคนใน ต.ค.นี้แน่ ย้ำต้องอยู่โควิดให้ได้หลัง 1 ก.ย.
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันจะจัดวัคซีนได้ 50 ล้านคนในเดือน ต.ค.นี้ เพราะบางวันฉีดได้ถึง 9 แสนคนหรือ 6 แสนคน คิดว่าทำได้ และสิ้นปี 2564 จะมีวัคซีน 140 ล้านโดส จะฉีดยังไงก็เรื่องของหมอ ตนไม่สามารถไปสั่งได้เพราะตนไม่ใช่หมอ ทั้งนี้ วันนี้ต้องอยู่กับโควิดให้ได้ ให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ จึงมีมาตรการให้เศรษฐกิจและสุขภาพเดินหน้าให้ได้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ อีกทั้ง ไม่เคยสั่งการอะไรลับ ไม่เคยทุจริต และไม่คุ้นเคยทุจริต การตัดสินใจของทหารละเอียด ต้องรับฟัง รอบคอบ
ส่วนการเตรียมความพร้อมทุกอย่างถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จในวิกฤติที่ผ่านมาตลอด 20 เดือน ขณะนี้มีการระบาดหลายระลอก เชื้อโรคก็พัฒนาไปตามลำดับ ส่วนวัคซีนครั้งแรกก็มีประมาณ 10 บริษัทที่มีผลสำเร็จในการทดลองใช้ในคน และมีการจำหน่ายในโลก แต่ความต้องการกับภาคการผลิตไม่ต้องกัน โดยขีดความสามารถในการผลิตของแต่ละบริษัทผลิตไม่พอ จึงต้องมีการจัดสันปันส่วนของเขา
ขณะที่เรามีบริษัทของเราซึ่งผลิตได้ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะรับจ้างผลิต ดังนั้นเราต้องติดต่อกับบริษัทยาเพื่อจัดหาวัคซีนตามจำนวนที่ได้มีการพูดถึงกันไว้ ตนได้รับการยืนยันจากบริษัทแม่ว่าจะจัดหาวัคซีนให้เราครบ 61 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ ปัญหาคือการกำหนด การจะให้ การตกลงเป็นเรื่องของผู้ซื้อทั้งหมด ต่างแย่งกันซื้อ กันไว้ให้ประเทศของตัวเอง เราจึงพยายามอย่างเต็มที่โดยเฉพาะวัคซีนที่ผลิตเองในประเทศ สาเหตุการแพร่ระบาด เช่น แรงงานหรือแหล่งท่องเที่ยว เราก็แก้ไขเต็มที่ ส่วนบทลงโทษก็มีอยู่ ใครทำผิดก็ลงโทษตามกฎหมาย
แจงปัดรวบอำนาจ รับไม่ได้ถูกซัดกลางสภาฯ หยาบคาย
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ที่บอกตนรวบอำนาจ ก็เป็นการโอนอำนาจแค่ชั่วคราว ไม่ใช่ทุกวันทุกนาที ไม่ใช่อะไรก็เป็นเรื่องฉุกเฉินตลอด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็บ้าแล้ว เรื่องแทงม้าตัวเดียว วัคซีนล่าช้า ทำไมไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ชี้แจงได้อยู่แล้ว วันนี้สมาชิกโคแวกซ์ยังไม่ได้ตามต้องการและไม่ได้ตามยี่ห้อ เราไม่ได้ร้องบริจาคใคร เขาบริจาคให้เราเอง คิดว่าตนจะไปร้องขอใครเหรอ สิ่งที่ตนได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ให้พูดจาสุภาพเรียบร้อย ไม่พูดหยาบคาย เหยียดหยาม ดูถูกด สอนไว้ว่า สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล พยายามจะทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของผู้ทรงเกียรติอย่างแท้จริง
“การฉีดวัคซีนไม่อยากให้ด้อยค่าวัคซีนใดทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่ฉีดวัคซีนใดเลย รอแต่วัคซีนดีๆ จะตายมากกว่านี้หรือไม่ ตายคนเดียวผมไม่พอใจ ไม่มีความสุขอยู่แล้ว" นายกฯ ระบุ
นายกฯ กลับย้ำไม่โกรธ ส.ส.ซัดแรง ชูสองนิ้วให้สื่อ
เวลา 20.20น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางออกจากอาคารรัฐสภาแล้วหลังนั่งฟังการอภิปราย ตลอดทั้งวัน เปิดเผยกับสื่อมวลชน หลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรกว่า สบายดี และขอยังไม่ให้คะแนนหรือประเมินท่าทีใดๆจองฝ่ายค้าน ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางคนใช้คำพูดรุนแรง ในการอภิปราย เห็นว่าเป็นเรื่องที่ว่ากันไป แต่ไม่สมควรทำ แต่ยืนยัน ไม่โกรธ เพราะใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั่น ตามคำพระท่านบอกไว้
นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการอภิปรายวันนี้ ตนเองได้ทำหน้าที่ชี้แจงอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ เพราะไม่มีใครจะใจร้าย และ ขอทุกฝ่ายอย่าทำให้ปัญหามากไปกว่านี้ เพราะแค่นี้ก็แย่มากพอแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะเรียนรู้
นายกรัฐมนตรียังชูสองนิ้วให้กับสื่อมวลชน ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภาด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง