มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของใหม่ของทวิตเตอร์ ได้ถามผู้ใช้ผ่านการทำแบบสำรวจบนทวิตเตอร์ว่า บัญชีที่ถูกระงับควรถูกนำกลับมาใหม่หรือไม่ หากบัญชีเหล่านั้นไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือโพสต์ข้อความที่เป็นสแปม
ในขณะที่แบบสำรวจได้หมดเขตลงในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ผลสำรวจได้ปรากฏออกมาว่า ผู้ใช้เห็นชอบกับข้อเสนอของมัสก์
“เสียงของผู้คนได้เปล่งออกมาแล้ว การนิรโทษกรรมจะเริ่มต้นในสัปดาห์หน้า” มัสก์ทวีตข้อความในวันพฤหัสบดี โดยมัสก์จบทวีตของเขาด้วยประโยคภาษาละตินว่า Vox Populi, Vox Dei ซึ่งแปลเป็นไทยว่า เสียงของประชาชนคือเสียงของพระผู้เป็นเจ้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบนโลกออนไลน์หลายคน ได้ออกมาเตือนว่าทวิตเตอร์อาจประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของการใช้คำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง การคุกคาม และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ภายใต้นโยบายใหม่ของมัสก์
ก่อนหน้านี้ มัสก์ได้นำบัญชีของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ พร้อมด้วยบัญชีของ จอร์แดน ปีเตอร์สัน นักจิตวิทยาที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้ปราศจากความถูกต้องทางการเมือง” และ มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน นักการเมืองฝ่ายขวาสหรัฐฯ ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเผยแพร่ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ทรัมป์ยังไม่ได้ทวีตข้อความอะไรตั้งแต่เขาถูกปลดแบนเป็นเวลา 5 วัน
ในขณะเดียวกัน มัสก์ได้ไล่พนักงานและพนักงานสัญญาจ้าง ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปลดบัญชีที่สร้างความเกลียดชังหรือเผยแพร่ข่าวปลอมออกจากทวิตเตอร์ด้วย ทั้งนี้ การตัดสินใจของทวิตเตอร์ที่จะปิดสำนักงานของตนในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และปลดพนักงานออกกว่าพันคน สร้างความกังวลใจให้สหภาพยุโรปอย่างมาก
ดิดิเย เรย์นเดอร์ หัวหน้าฝ่ายยุติธรรมของสหภาพยุโรป ได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การไล่พนักงานออกเป็นจำนวนมากเช่นนี้ จะทำให้ความสามารถของทวิตเตอร์ในการลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายลดลงอย่างมาก โดยเรย์นเดอร์ได้เข้าพบกับตัวแทนของทวิตเตอร์ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
“ตัวแทนของทวิตเตอร์ให้ความเชื่อมั่นว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันตามกฏเกณฑ์ของสหภาพยุโรป” เจ้าหน้าที่ที่ไม่ประสงค์ออกนามกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ “เรย์นเดอร์รับรู้ข้อความดังกล่าวและขอให้ทวิตเตอร์แปรคำว่า ‘ความมุ่งมั่น’ นี้ ไปสู่มาตรการที่จับต้องได้”
ที่มา: