ผศ.ดร.สามชาย ศรีสันต์ อาจารย์วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ นักวิชาการเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ คนส. กล่าวว่า การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับบุคคลที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ากกต.กำลังผลักตัวเองออกไปจากสังคม ทำเสมือนเป็นอีกฝ่ายที่ไม่ได้ยึดโยงอยู่กับภาคประชาชน ไม่ฟังเสียงประชาชน ยิ่งสร้���งความเคลือบแคลงสงสัยในการทำงานให้กับสังคมมากขึ้น กกต.จึงขาดความน่าเชื่อถือ และกำลังผลักภาระ ทำให้ประชาชนเป็นขั้วตรงข้าม
"การที่ กกต.ใช้วิธีฟ้องร้องคนที่มีความเห็นต่าง จะยิ่งทำให้มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กกต.มากขึ้น เพราะในวันนี้ประชาชนไม่มีที่พึ่งแล้ว องค์กรอิสระไม่สามารถพึ่งพาได้ ทางออกทางเดียวคือการรวมตัวของภาคประชาชน เพื่อให้องค์กรต่างๆ กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองให้เข้มแข็ง จึงถึงเวลาที่ประชาชนจะออกมาทวงความยุติธรรมด้วยตัวเอง" ดร.สามชาย กล่าว
ดร.สามชาย กล่าวต่อว่า การที่มีประชาชนร่วมลงชื่อ 7-8 แสนคน และร่วมลงชื่อฟ้องร้องเอาผิดกับ กกต. บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าประชาชนต้องการประชาธิปไตย ต้องการความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ตัว กกต.เองกลับมีแนวโน้มจะไปถือข้างอีกฝ่ายหนึ่งของการเลือกตั้ง คะแนนที่ประชาชนแสดงออกมาเหล่านี้ กกต.สมควรนำกลับไปเพื่อใช้พิจารณาตัวเอง ซึ่ง กกต.ไม่ผ่านคุณสมบัติ (Qualify) ที่จะให้สอบตั้งแต่แรกแล้ว
การที่ กกต.เป็นสถาบันหนึ่งในฐานะองค์กรอิสระ ที่ประชาชนคาดหวังการทำงาน จึงต้องมีความเป็นอิสระ ไม่อยู่ข้างใดข้างหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาการดำเนินงานของ กกต.นับแต่เข้ารับหน้าที่ ไปจนถึงการจัดการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า และการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 เกิดข้อผิดพลาดต่างๆ ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจให้กับสังคม ขณะที่ตัว กกต.เองไม่ได้แสดงถึงความโปร่งใสที่จะเปิดเผยข้อมูลต่างๆ กลับปิดบังและเงียบงัน เก็บตัว ไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องต่างๆของภาคประชาชน หาก กกต.ไม่ทำตามข้อเรียกร้องที่ให้เปิดเผยคะแนนเลือกตั้ง รวมถึงการประกาศผลการเลือกตั้งที่ล่าช้ากว่าที่เคยเป็นมา เมื่อเทียบกับ กกต.ชุดอื่นที่ผ่านมาแล้ว กกต.ชุดนี้จึงเป็นชุดที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนมากที่สุด
นักวิชาการ คนส. ย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนชี้ชัดและเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องการสิ่งใด แต่ผู้ปกครองกลับมีความพยายามดึงถอยหลังย้อนกลับไป ต้องการปกครองประชาชนด้วยการใช้อำนาจ ใช้กฎหมายเป็นหลัก ทั้งที่ควรปรับเปลี่ยนแนวคิดและทำตามเสียงส่วนใหญ่ ผู้ปกครองในขณะนี้จึงกำลังทำร้ายประเทศ ซึ่งในที่สุดเมื่อทำร้ายประชาชนแล้ว จะให้ใครมาปกครองประเทศนี้
ขณะที่ กกต. ควรเปิดเผยคะแนนรายเขต รวมทั้งตั้งกรรมการเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดการเลือกตั้งรายหน่วย การเปิดเผยข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่า กกต.ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการออกเอกสารชี้แจง เพราะเป็นเพียงการนำไปสู่การสร้างวิวาทะทางสังคมให้เกิดขึ้นใหม่เท่านั้น
เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ ดร.สามชาย กล่าวว่า องค์กรอิสระปัจจุบันไม่ได้ยึดโยงอยู่กับภาคประชาชน องค์กรอิสระยึดโยงอยู่กับฝ่ายผู้มีอำนาจ และการทำงานขององค์กรอิสระได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยจำนวนมาก ดังนั้นไม่ว่าจะทำสิ่งใด โอกาสที่ประชาชนจะยอมรับจึงค่อนข้างยาก ขณะที่ที่โลกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ชนชั้นปกครองกำลังจะหมุนนาฬิกาถอยหลังกลับไปโดยไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง