วันที่ 26 มี.ค. 2563 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่ารัฐบาลยังคงสร้างความสับสนในการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยได้ประกาศภาวะฉุกเฉินมีผลวันที่ 26 มี.ค. 2563 แต่รายละเอียดในการการดำเนินการกลับยังไม่ชัดเจน และยังไม่มีรายละเอียดเท่าที่ควร เหมือนให้อำนาจไว้เฉยๆ
ทั้งนี้ การสื่อสารกับสาธารณะเป็นปัญหามาตลอดตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยันโฆษกรัฐบาล ซึ่งทำให้ประชาชนสับสน ดังนั้น รัฐบาลจะต้องปรับปรุงการให้ข่าวและทีมโฆษก รวมถึง ตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง เพื่อที่จะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง ปลัดกระทรวงหลายกระทรวง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างประเทศ มีอำนาจเต็มในการบริหารงาน ทำให้ดูเหมือนเป็นการปฏิวัติในอดีต และ ทำให้คนสงสัยว่ารัฐมนตรีที่คุมกระทรวงเหล่านี้ไม่มีความสามารถที่จะปฏิบัติการในสถานการณ์ปัจจุบันได้แล้วใช่หรือไม่
ทั้งนี้ อยากเห็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกใช้เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างแท้จริง โดยไม่มีวาระซ้อนเร้น เพราะจากการแถลงการณ์การของพลเอกประยุทธ์ที่พูดเน้นการจำกัดการแสดงความเห็นของสื่อและผู้เห็นต่าง โดยห่วงว่าจะมีการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อจัดการคนเห็นต่างตามที่ได้เคยทำมาตลอด 5 ปี ซึ่งตนเองเคยโดนเรียกถึง 8 หน และ ครั้งที่ 7 ถูกกักตัวอยู่ 7 วัน ทั้งที่ตนเพียงเตือนรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจและต่อมาเศรษฐกิจก็ได้ย่ำแย่จริงตั้งแต่ก่อนมีการแพร่ระบาดของไวรัสแล้ว โดยไม่อยากให้ใครโดนเหมือนตน และหวังว่ารัฐบาลจะไม่ลุแก่อำนาจโดยใช้กฏหมายกลั่นแกล้งคนที่เห็นต่าง ที่น่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารงานที่ผิดพลาดอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล
การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อไวรัสในประเทศไทย เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ชะล่าใจ และไม่คิดล่วงหน้า ของรัฐบาล จำนวนผู้ติดเชื้อของไทยนิ่งอยู่นาน ในขณะที่ประเทศอื่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากรัฐบาลจะไหวตัวและเร่งออกมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันล่วงหน้า ปัญหาคงไม่เพิ่มมากมายขนาดนี้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายจากคนเจ็บและคนตายที่จะเกิดเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การบริหารจัดการของรัฐบาลก็ยังย่ำแย่ตั้งแต่แรกจนถึงขณะนี้ แม้กระทั่งปัจจุบันหน้ากากอนามัยที่เป็นความจำเป็นในการป้องกันไวรัสก็ยังขาดแคลน รัฐบาลละเลยจนทำให้มีการหาผลประโยชน์จากหน้ากากอนามัย โดยไม่มีการลงโทษรายใหญ่มีแต่รายเล็กที่โดนลงโทษ หากตนไม่นำเอกสารการอนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยมาเปิดเผย ป่านนี้ก็ยังปล่อยให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยกันอยู่ ทั้งๆที่ในประเทศขาดแคลนกันอย่างหนัก ทั้งนี้รวมถึงแอลกอฮอล์ที่ขาดแคลนด้วย ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์นำคนทำผิดรายใหญ่พร้อมเครือข่ายมาลงโทษได้จริงตามที่ได้ประกาศไว้
นอกจากหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์แล้ว เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ยังขาดแคลนอย่างมาก ทำไมรัฐบาลถึงไม่จัดซื้อโดยด่วนให้รวดเร็วเหมือนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งที่ความเป็นความตายของประชาชนและบุคคลากรทางการแพทย์ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่อยากนึกภาพว่าหากไทยกลายเป็นเหมือนอิตาลี แล้วต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุต้องตายไปโดยไม่ได้รับการรักษาพยาบาล ประชาชนจะโกรธแค้นรัฐบาลกันขนาดไหน
อยากให้รัฐบาลได้ดูตัวอย่างของประเทศเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด โดยการตรวจการติดเชื้อของประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ตรวจแบบด่วน (Rapid Test) ที่มีราคาถูกเพียงไม่กี่ร้อยบาท และสามารถรู้ผลในไม่กี่นาที รัฐบาลควรเร่งนำมาสุ่มตรวจประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้มากที่สุด เพื่อกักตัวและนำมารักษาโดยด่วน ซึ่งจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดอย่างได้ผล
ในเรื่องการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับกระทบจากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 นี้ จะมีผลกระทบกับคนในวงกว้างแทบทุกธุรกิจ ขนาดแบงก์ชาติยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะถดถอยและติดลบหนักถึงติดลบร้อยละ 5.3 เหมือนที่ตนได้เตือนไว้ก่อนแล้ว ซึ่งเศรษฐกิจอาจจะแย่กว่าที่แบงก์ชาติบอกด้วย
ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องพยายามช่วยเหลือคนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ จึงอยากให้รัฐบาลตั้งหลักคิดให้ดี โดยอยากให้ช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ที่ยากจน ผู้มีรายได้น้อย ลูกจ้าง คนหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงก่อน แล้วค่อยไล่เรียงลำดับความช่วยเหลือขึ้นไป เพราะยังไม่ทราบเลยว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จะยาวนานอีกแค่ไหน เพราะในประเทศจีนเองก็คาดกันว่าอาจจะเกิดการแพร่ระบาดรอบสองกันอีก ซึ่งหากสถานการณ์ที่อาจจะลากไปยาวนาน การใช้จ่ายของรัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะใช้จ่ายอย่างไรเพื่อประคองคนส่วนใหญ่ของประเทศ และอยากให้รัฐบาลคิดและออกทั้งนโยบายทางการเงินและนโยบายทางการคลังที่จะไม่เป็นภาระกับรัฐบาลมากนักร่วมกันไปด้วย เช่น การปรับปรุงโครงสร้างภาษี การลดดอกเบี้ย ปรับอัตราแลกเปลี่ยน การปรับลดงบประมาณจากเรื่องที่รอได้ไม่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อนำมาใช้กับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นี้ ฯลฯ รวมถึงการหารายได้เข้ารัฐ ซึ่งจะลดภาระของรัฐบาลได้บ้างในกรณีที่รัฐบาลอาจจะต้องแบกรับภาระเป็นระยะเวลานานตามสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน
หากจำกันได้ ตนเคยเตือนแล้วว่ารัฐบาลไม่ควรใช้จ่ายสะเปะสะปะ ควรเก็บกระสุนไว้ในคราวจำเป็นเมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ลง แต่รัฐบาลไม่รับฟังแถมยังส่งคนออกมาต่อว่าตน หวังว่าตอนนี้รัฐบาลจะได้สำนึกแล้ว และควรต้องนึกเสียดายการจ่ายเงิน ชิมช้อปใช้ การให้คนไปเที่ยวแล้วได้เงินคืน และ การให้คนใช้จ่ายแล้วได้เงินคืน ฯลฯ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นการจ่ายแบบสูญเปล่า แทนที่จะนำเงินเหล่านั้นมาช่วยประชาชนที่กำลังลำบากได้อย่างมากในช่วงนี้และในระยะต่อไปที่ไม่รู้จะนานเท่าไหร่
ปัญหาของรัฐบาลนี้คือการไม่คิดล่วงหน้า หรือ อาจจะคิดไม่เป็น ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไปในการบริหารจัดการ โดยจะเพิ่มปัญหามากขึ้น และหากรัฐบาลยังจะใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อปิดปากคนเห็นต่าง รัฐบาลจะยิ่งหลงทางไปกันใหญ่ การรับฟังความคิดเห็นทางสังคมอย่างเปิดกว้างและนำไปพิจารณาปฏิบัติจะช่วยรัฐบาลให้ผ่านพันวิกฤตการณ์นี้ไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :