โทนี ราดากิน ประธานคณะเสนาธิการทหารสหราชอาณาจักร ระบุกับสถาบันราชสหบริหาร (RUSI) เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) ว่า ทางการรัสเซียวางแผนแค่ในระยะสั้นเพื่อการเข้ายึดยูเครน แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับการทำสงครามยืดเยื้อยาวนานกว่า 10 เดือนที่ผ่านมา “ผมขอบอกปูตินในคืนนี้ว่านายพลและรัฐมนตรีของเขาอาจไม่กล้าพูดอะไร” ราดากินกล่าว “รัสเซียเผชิญหน้าอยู่กับการขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ ซึ่งหมายความว่า ความสามารถในการปฏิบัติการรุกภาคพื้นดินที่ประสบความสำเร็จจะลดลงอย่างรวดเร็ว”
“มันไม่มีเรื่องลับที่ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ปูตินวางแผนทำสงคราม 30 วัน แต่ตอนนี้รัสเซียรบมาเกือบ 300 วันแล้ว เสบียงของพวกเขาหมดแล้ว ในด้านศีลธรรม แนวคิด และกายภาพ กองกำลังของปูตินเหลือน้อยเต็มที” ราดากินระบุ
ถ้อยแถลงของประธานคณะเสนาธิการทหารสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ เป็นคำยืนยันล่าสุดในแนวทางเดียวกันของผู้นำและเจ้าหน้าที่ของยูเครนและพันธมิตรตะวันตก ซึ่งกำลังนับจำนวนขีปนาวุธของรัสเซีย ที่ยิงเข้าใส่ยูเครนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีหลักฐานว่ารัสเซียมีการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เรื่อยๆ ในขณะที่สงครามกำลังดำเนินไป
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานี้ มิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า เขาเชื่อว่ารัสเซียมีขีปนาวุธร่อนเพียงพอสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่อีก “2 หรือ 3” ครั้งต่อยูเครน และรัสเซียได้ใช้โดรนที่จัดส่งมาจากอิหร่านชุดแรกไปหมดแล้ว
ทางการยูเครนได้ประเมินว่า รัสเซียได้เปิดฉากทำสงครามใส่ตนด้วยการยิงขีปนาวุธอิสกันเดอร์ 900 ลูก และลดลงเหลือ 119 ลูก ณ สิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากใช้ขีปนาวุธ 829 ลูก และการผลิตขีปนาวุธได้ 48 ลูก แม้ว่ารัสเซียจะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก็ตาม นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบชิ้นส่วนของขีปนาวุธร่อน Kh-101 ที่ตกลงในกรุงเคียฟ โดยจากการทดสอบได้ข้อสรุปว่า ขีปนาวุธบางส่วนของรัสเซียที่ใช้โจมตียูเครนถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน
อย่างไรก็ดี รัสเซียยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนแบบสายฟ้าแลบ เพื่อทำลายแหล่งพลังงานของประชาชนชาวยูเครนหลายล้านคน หรือบังคับให้ประชาชนยูเครนต้องปันส่วนการใช้พลังงานกันเอง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า กว่าครึ่งหนึ่งของเครือข่ายพลังงานถูกทำลายจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธรัสเซีย ที่เปิดฉากเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 10 ต.ค. และโดยเครือข่ายพลังงานได้ขยายพลังการผลิตไปที่สุดความสามารถแล้ว
นอกจากประเด็นสงครามยูเครนแล้ว ราดากินยังได้ออกมาโต้แย้งว่าสหราชอาณาจักรต้องสนับสนุนสหรัฐฯ และเข้าร่วมการต่อต้านจีน เพราะ “ความคิดที่ว่าคุณสามารถแยกความมั่นคงในยุโรป ออกจากความมั่นคงในแปซิฟิกนั้นดูเป็นเรื่องยาก” พร้อมกันนี้ ราดากินระบุว่า ยุโรปไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ง่ายๆ หากไม่มีสหรัฐฯ เนื่องจากขนาดของงบประมาณด้านกลาโหมของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อันมหาศาล “มันจะทำให้ชาติยุโรปของ NATO เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 ปีเพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนในปัจจุบันของสหรัฐในด้านความมั่นคงของเรา” เขากล่าวเสริม
ที่มา: