พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีการออกแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตราอย่างเข้มงวดกับผู้ชุมนุมว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไม่ได้บังคับใช้กฎหมาย ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หากไม่ได้บังคับใช้และเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ เพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือตัวพล.อ.ประยุทธ์ คือคู่ขัดแย้งกับพี่น้องประชาชนหรือไม่ และหากเป็นคู่ขัดแย้งอยู่นายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถพูดคำนี้ได้ และจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาปฏิบัติงานตรงนี้
เพราะสิ่งที่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนเรียกร้องคือการแสดงออกว่า นายกรัฐมนตรีคือตัวปัญหา นายกรัฐมนตรีจึงต้องลาออก จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ และมองว่าเหตุที่ประเทศเดินมาถึงจุดนี้ จนเริ่มเกิดความขัดแย้งเพราะตัว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเงื่อนไขสำคัญ ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ยึดอำนาจ และการดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปประเทศ การวางยุทธศาสตร์ชาติ 20ปีล้วนทำเพื่อตนเอง นายกรัฐมนตรีจะต้องปล่อยให้ผู้ชุมนุม โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า มีคนในเครือข่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ สวมเสื้อสีเหลืองออกมา เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร และได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ต่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรที่ถูกฉีดน้ำ ถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตา
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุด้วยว่า ร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่างของภาคประชาชนมีความสำคัญที่สุด สำคัญกว่าร่างของรัฐบาลสำคัญกว่าร่างของฝ่ายค้าน พร้อมตั้งคำถามว่าการรับร่างของภาคประชาชนจะเกิดความเสียหายอย่างไร เมื่อประชาชนเสนอกฎหมายมาแล้วจะต้องเปิดใจให้กว้างและพร้อมรับฟัง แต่พบว่าในการพิจารณากฎหมาย ของภาคประชาชน ผู้มีอำนาจกับทำในสิ่งตรงข้าม และมองว่ารัฐธรรมนูญจะสามารถแก้ไขได้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงหัวหน้าพรรคการเมืองอย่าง อนุทิน ชาญวีรกุลและจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ต้องถอนตัวจากการเข้าร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่าการชุมนุมครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะม็อบของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นม็อบจัดตั้งและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ แต่การชุมนุมของนักศึกษาประชาชน ซึ่งต่างคนต่างมาเตรียมความพร้อมมากันเอง จึงสามารถจัดการชุมนุมได้ต่อเนื่อง เพิ่งทราบว่าในวันที่ 25 พ.ย.นี้จะมีการชุมนุมอีกครั้ง จึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สามารถหยุดการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชนได้ เพราะเมื่อยิ่งใช้ความรุนแรง จำนวนผู้ชุมนุมก็จะเพิ่มมากขึ้น และหากใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตก็จะกลายเป็นปัญหาของรัฐบาล
"ขอสื่อสารไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ อย่างตรงไปตรงมาว่าคุณไม่สามารถที่จะหยุดม็อบเด็กนี้ได้ นอกจากคุณจะลาออกเท่านั้น มาถึงวันนี้คุณต้องรู้ว่าคุณหมดเวลาแล้ว" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกสั่ง แม้จะจำใจที่ต้องทำตามคำสั่งแต่ขอฝากไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า จะทำอะไรขอให้คิดถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะประเทศจะสามารถอยู่ได้ต้องมีประชาชน ประเทศใดที่ขาดประชาชนที่มีคุณภาพ ขาดความรู้ความสามารถ ประเทศนั้นจะอยู่ได้อย่างไร ตำรวจจึงต้องดูแลประชาชนให้ประชาชนมีความพร้อม มีศักยภาพที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองให้ได้
อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์เตรียมยกระดับการใช้กฎหมายเข้มข้นกับผู้ชุมนุมว่า เป็นการผลักดันให้สถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ และเป็นการแสดงออกของรัฐบาลอย่างเปิดเผยว่ากลุ่มผู้ชุมนุมและผู้ท่ีเห็นต่างคือศัตรูของรัฐบาล ไม่ใช่ประชาชนคนไทย ไม่ให้ความสำคัญหรือสนใจในข้อเรียกร้องของประชาชน
หากพล.อ.ประยุทธ์เตรียมนำกฎหมายอาญาที่มีความรุนแรงเอาผิดม็อบราษฎรตามที่คนบางกลุ่มเรียกร้อง ซึ่งเป็นภาคต่อจากการใช้คนเสื้อเหลืองมาปกป้องรัฐบาล เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์กำลังสร้างเงื่อนไขการกระทำของตัวเอง เล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นหลังการบังคับใช้กฏหมายด้วยการผลักไสประชาชนให้เข้าใกล้หุบเหวแห่งความสิ้นหวังมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาท่าทีของพลเอกประยุทธ์ พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคนตามที่ชอบกล่าวอ้าง แถลงการณ์นายกรัฐมนตรียิ่งทำให้สถานการณ์บานปลาย ผลักประชาชนเป็นศัตรู การไม่ระบุกฎหมายมาตราไหนซึ่งถือว่าอันตรายอย่างมากในสถานการณ์เปราะบางเช่นนี้
สิ่งที่ผู้ชุมนุมและประชาชนจำนวนมากทวงถามในเวลานี้ คือ ความยุติธรรมจากพลเอกประยุทธ์ในการสืบหาผู้ที่พกพาอาวุธปืนและการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงกรณีที่มีภาพคปรากฎคนเสื้อเหลืองในม็อบบางคนที่อาจจะรู้จักกับรัฐมนตรี ซึ่งในสถานการณ์เช่นการทำให้ข้อเท็จปรากฏจะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับความยุติธรรม
"พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสที่จะผ่าทางตันหาทางออกให้ประเทศหลายหนทาง แต่ไม่เลือก ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้อีกครั้ง ว่าคนชื่อประยุทธ์กำลังปิดตายทุกทางออกและกำลังสร้างเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น" นางสาวอรุณีกล่าว.
อ่านเพิ่มเติม