ไม่พบผลการค้นหา
ทางการอังกฤษประกาศระงับการส่งออกแก๊สน้ำตาและกระสุนยางให้กับฮ่องกง หลังตำรวจปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนแผ่นดินใหญ่อย่างสันติ

เจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษประกาศว่า รัฐบาลอังกฤษรู้สึกกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ในฮ่องกง และอังกฤษจะระงับในอนุญาตการส่งออกอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน เช่น แก๊สน้ำตาและกระสุนยางให้กับฮ่องกง พร้อมเรียกร้องให้ทางการฮ่องกงตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนการปะทะกันรุนแรงระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมชาวฮ่องกง

ฮันต์กล่าวว่า ผลการสอบสวนการใช้ความรุนแรงระหว่างการสลายการชุมนุมในฮ่องกงจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเรื่องในอนุญาตการส่งออกอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนให้กับตำรวจฮ่องกงในอนาคต และการระงับการออกใบอนุญาตการส่งออกอุปกรณ์เหล่านี้ไปให้ฮ๋องกงจนกว่ารัฐบาลอังกฤษจะมั่นใจว่าสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฮ่องกงได้รับการแก้ไขอย่างถี่ถ้วนแล้ว

แหล่งข่าวในกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดถือใบอนุญาตส่งออกอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนไปให้ฮ่องกงอยู่แล้ว และหลังจากคำประกาศของฮันต์ก็จะไม่มีการออกใบอนุญาตใบใหม่ให้กับใคร จนกว่าฮ่องกงจะปฏิบัติตามเงื่อนไข

ใบอนุญาตที่อังกฤษอนุญาตให้ส่งออกแก๊สน้ำตาชนิดขว้างและแบบกระสุนยิงไปยังฮ่องกงได้ออกมาครั้งสุดท้ายเมื่อก.ค. 2018 ส่วนใบอนุญาตให้ส่งกระสุนยางให้ฮ่องกงออกมาครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนก.ค. 2015 ขณะที่เม.ย. 2019 ที่ผ่านมา ทางการอังกฤษปฏิเสธที่จะออกใบอนุญาตแบบเปิดสำหรับการส่งออกโล่ป้องกันจลาจล

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ชาวฮ่องกงนัดกันเดินขบวนประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนแผ่นดินใหญ่หลายครั้ง โดยมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางยิงให้ผู้ชุมนุมในวัยที่ 12 มิ.ย. ซึ่งทำให้รัฐบาลฮ่องกงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมที่มาประท้วงอย่างสงบ ไร้อาวุธ และไม่มีท่าทีคุกคามใดๆ จนชาวฮ่องกงออกมาร่วมชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเองอีกครั้งมากกว่า 2 ล้านคน เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากลกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านตำรวจและการพิสูจน์ดิจิทัลได้ตรวจสอบภาพ 14 กรณีและยืนยันว่า ตำรวจฮ่องกงใช้ความรุนแรงอย่างผิดกฎหมายต่อคนที่ชุมนุมอย่างสันติในวันที่ 12 มิ.ย. จริง "ตำรวจไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนผู้ชุมนุมอย่างสงบไม่มีท่าทีคุกคาม ต้องอยู่ในอันตรายและบาดเจ็บสาหัส"

ที่มา : AFP, The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :