วันที่ 9 ก.ค.2565 มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณีที่ตนถูก ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ฟ้องร้องดำเนินคดี ฐานความผิดหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จำนวน 2 คดี
มงคลกิตติ์ ระบุว่า สืบเนื่องจาก กรณีเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 ตั้งแต่ เม.ย. เป็นต้นมา ซึ่งตน ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ศักดิ์สยาม จนนำไปสู่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ประเด็นสาเหตุการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 เมื่อ ก.ย. 2564 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ศักดิ์สยาม ได้การฟ้องร้องดำเนินคดีตนที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จำนวน 2 คดี คือ
1) คดีหมิ่นประมาท-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณี เหตุการณ์ที่ขับเจ๊ตสกีกับหญิงสาวผู้หนึ่ง และ เหตุการณ์ที่คริสตัลทองหล่อ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างชั้นอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ ตีสำนวนกลับมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยมี ทิวา การกระสัง เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจ และมีหญิงสาวผู้นั้น เป็นพยานโจทก์ในคดี
2) คดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยมี ทิวา การกระสัง เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจ
อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีหญิงสาวผู้หนึ่ง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มาเที่ยวพักผ่อนขับเจ๊ตสกีที่ทะเล
เมื่อ 12 พ.ค. 2564 หญิงสาวผู้นี้ ได้มาเป็น พยานในคดี สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้เป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลอาญาดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาพร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท ใน คดีหมายเลขดำที่ อ.1063 /2564 กับ มงคลกิตติ์ โดยมี ทิวา การกระสัง เป็นผู้เรียง-ผู้เขียนหรือพิมพ์ และ ทนายความ
ต่อมาเมื่อวันที่ พ.ค. เวลา 13.30 น. ศาลอาญาได้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง ทั้งฝ่ายโจทก์-จำเลย โดยมี ศักดิ์สยาม ร่วมเป็นพยาน (แต่ไม่มาเบิกความ) จนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2565 เวลา 09.30 น. ศาลอาญา ได้มีคำพิพากษา ให้ยกฟ้อง คดีไม่มีมูล ศาลจึงไม่รับฟ้องคดีแพ่งจากโจทก์ได้
"ประเด็น สำคัญแห่งคดี ที่บุคคลผู้นั้น เป็นโจทก์กล่าวหา ว่า ผมได้นำภาพของเธอและ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ไปเผยแพร่ในเว็บไซด์ข่าวออนไลน์ ข่าวชาวบ้าน-Thai TV Social และ เผยแพร่ผ่านเพจเฟสบุ๊ค CSI LA แต่ปรากฏในการนำสืบพยานในชั้นศาลไต่สวน จำเลย ได้นำเอกสารยืนยัน จาก ข่าวชาวบ้าน-Thai TV Social และ เพจเฟสบุ๊ค CSI LA ว่าภาพที่อ้างถึงนั้น ไม่ได้มาจาก มงคลกิตติ์ เหตุเนื่องจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และ ปรากฏตามสื่อโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเสนอข่าวเช่นเดียวกับสื่อสำนักอื่นๆ บริษัทฯ จึงขอยืนยันว่า มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ไม่ได้ส่งข้อมูลภาพดังกล่าวให้แก่บริษัทฯ แต่อย่างใด" มงคลกิตติ์กล่าว
ทั้งนี้ มงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ศฤงคาร ข่ายสุวรรณ หรือ ทนายมีน กรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ฝ่ายกฎหมาย ได้เป็นทนายความประจำตัวให้กับตน ซึ่งทนายมีนซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทนายความมือหนึ่งของพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ไม่เคยว่าความแพ้คดีเลย ดังนั้น จากกรณี ที่ศาลอาญา ชั้นต้น ได้ยกฟ้องในครั้งนี้ จะมีผลต่อคดีที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกันเนื้อหาเดียวกันเปลี่ยนเพียงชื่อโจทก์เท่านั้น
ซึ่งถ้าในวันที่ 30 ก.ค. นี้ ถ้าโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ จะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าคดีถึงที่สุดเมื่อใด ตนจะฟ้องกลับ โจทก์ พร้อม ผู้เรียง-ผู้เขียนหรือพิมพ์คำฟ้อง ตาม ป.อาญา มาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านบาท ทันที