นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่เลือกผู้เข้ารับการสรรหาเป็น กสทช. ทั้ง 14 คนว่า น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นที่คณะกรรมการสรรหาจนได้รายชื่อจำนวนหนึ่งมาให้คณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกตั้งเป็น กสทช. และเข้าสู่การพิจารณาเลือกของ สนช. เพราะมีความพยายามที่จะผลักดันบุคคลที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับธุรกิจกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม ทั้งทางตรง และทางอ้อม เข้ามาเป็น กสทช.
นายองอาจ กล่าวว่า การสรรหา กสทช. ครั้งนี้จึงมีความเคลือบแคลงสงสัยหลายประการดังนี้
1.กระบวนการสรรหาที่เริ่มต้นจากคณะกรรมการสรรหาตามที่กฎหมายกำหนดได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ได้มีความพยายามบล็อกโหวตดังที่มีการกล่าวหาหรือไม่อย่างไร
2. สนช. ได้ทำหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 บัญญัติไว้ หรือไม่เพราะกฎหมายบัญญัติให้ สนช. มีหน้าที่ลงมติเลือกเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ เหมือนกับกรณีการพิจารณาเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอื่นๆ
การที่ สนช. ไม่เลือกแต่ใช้วิธีมีมติล้มการเลือก กสทช. จะทำให้มีปัญหาตามมาอีกหลายด้านหรือไม่
3. มีการส่งสัญญาณจาก นายกรัฐมนตรี หรือ ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ให้ล้มการเลือก กสทช.ครั้งนี้ เพราะมีคนไม่พอใจบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อหรือไม่ เพราะตามปกติการทำหน้าที่ของสนช. ก็ถูกมองว่าเป็นสภาตรายาง พร้อมที่จะทำตามความต้องการของผู้มีอำนาจอยู่แล้ว ยิ่งมีคลิปเสียงที่มีคำพูดอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พอใจบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ ก็ยิ่งทำให้ถูกสงสัยว่า สนช. กำลังทำหน้าที่สภาตรายางอีกครั้งเพื่อสนองตอบผู้มีอำนาจ
นอกจากนี้เหตุผลที่ สนช. อ้างว่าต้องล้มการเลือก กสทช. เพราะผู้การสรรหามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากการวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ สนช. ไม่ควรทำหน้าที่เป็นศาลตัดสินเสียเอง
นายองอาจ กล่าวว่า เนื่องจาก กสทช. เป็นคณะกรรมการที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล และมีอำนาจหน้าที่ ที่จะให้คุณ ให้โทษ ได้อย่างมาก การสรรหา กสทช. จึงต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และก่อให้เกิดความมั่นใจได้ ว่าเราจะได้ กสทช. ที่มีหิริโอตตัปปะ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา กสทช. ทั้งคณะกรรมการสรรหา และ สนช. ถ้าทำหน้าที่ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมโปร่งใส ไม่มีลับลมคมในข้อเคลือบแคลงสงสัย เพื่อประโยชน์ ของประเทศชาติอย่างแท้จริง