นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เดินทางเยือนจีนระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม ซึ่งเป็นการปฏิบัติภารกิจในจีนครั้งแรก นับตั้งแต่นายมุนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และช่วงค่ำ วันที่ 14 ธันวาคม นายมุนมีกำหนดร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แต่เกิดเหตุที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศก่อนหน้านั้นไม่นาน เนื่องจากหน่วยอารักขาความปลอดภัยของจีนนับสิบคนรุมทำร้ายผู้สื่อข่าวและช่างภาพชาวเกาหลีใต้ 2 คนที่ติดตามรายงานข่าวนายมุนจนบาดเจ็บ
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ระบุว่าหน่วยอารักขาของจีนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยภายในงานมหกรรมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งบริษัทเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งของจีน และหน่วยอารักขาได้สกัดไม่ให้กลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพเกาหลีใต้เดินตามขบวนของนายมุนภายในงาน และช่างภาพชายคนหนึ่งถูกหน่วยอารักขากระชากคอเสื้อเพื่อนำตัวออกไปนอกงาน ก่อนที่ช่างภาพคนดังกล่าวจะถูกหน่วยอารักขาประมาณ 14 คนรุมทำร้าย ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวชายของสำนักข่าวอีกแห่งหนึ่ง
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นผู้ให้การปฐมพยาบาลช่างภาพและผู้สื่อข่าวทั้ง 2 คน ก่อนที่จะนำตัวทั้งคู่ไปส่งโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่าหน่วยอารักขาชาวจีนได้รับการว่าจ้างจากคณะผู้จัดงานก็จริง แต่ทั้งหมดรับคำสั่งโดยตรงจากรัฐบาลจีน
문 대통령의 #중국 국빈 방문을 동행 취재하는 청와대 출입 #기자 들이 중국 #경호원 들로부터 #집단폭행 을 당했습니다. https://t.co/3IuyJ45yUV pic.twitter.com/yQaWwR7RBZ
— KBS 뉴스 (@KBSnews) December 14, 2017
เว็บไซต์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อทางการจีนเพื่อให้ไต่สวนข้อเท็จจริงในกรณีที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร และย้ำด้วยว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะติดตามหาคำตอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ส่วนสมาคมช่างภาพแห่งเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้จีนแสดงความรับผิดชอบและขอโทษต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมตั้งคำถามเชิงประชดเสียดสีว่าเป็นธรรมเนียมของจีนหรือไม่ ที่เชิญแขกไปเยือนเพื่อจะทำร้ายกัน
ด้านสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน (FCCC) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการปฏิบัติตัวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนต่อผู้สื่อข่าวทั้งในประเทศและต่างชาติ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้สื่อข่าวตกเป็นเป้าคุกคามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน และ FCCC ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ เข้าข่ายปิดกั้นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน
ก่อนหน้านี้ องค์กรสื่อไร้พรมแดน Reporters Without Border ซึ่งเป็นองค์กรด้านการส่งเสริมและปกป้องสิทธิสื่อระหว่างประเทศ เผยผลจัดอันดับดัชนีเสรีภาพสื่อประจำปี 2017 พบว่าจีนติดอันดับประเทศที่มีเสรีภาพสื่อน้อยรั้งท้าย โดยมีคะแนนในลำดับที่ 176 จากทั้งหมด 178 ประเทศทั่วโลกที่สำรวจข้อมูล ซึ่ง 2 ประเทศที่มีคะแนนน้อยกว่าจีน คือ ซีเรียและเติร์กเมนิสถาน
ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ รายงานว่าสื่อเกาหลีใต้ที่ถูกทำร้ายเป็นรายแรกคือนายอีชองอู ช่างภาพของหนังสือพิมพ์ธุรกิจแมอิลบิสซิเนส โดยวิดีโอจากกล้องของช่างภาพที่อยู่ในเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า หน่วยอารักขาในชุดสูทสีดำรุมเตะนายอีซึ่งทรุดลงไปกับพื้นโดยมีเลือดออกจมูก และเขาพยายามตะโกนห้ามหน่วยอารักว่าอย่าแตะต้องกล้องซึ่งเป็นอุปกรณ์ประกอบอาชีพ
ส่วนนายหลูคัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เจรจากับกลุ่มสื่อมวลชนเกาหลีใต้หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่าทางการจีนมีความกังวลอย่างยิ่งที่มีผู้บาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ของจีนจะประสานกับเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้เพื่อให้การจัดงานและการเยือนจีนของคณะผู้นำเกาหลีใต้ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งตามปกติแล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนจะไม่ค่อยประนีประนอมกับสื่อที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดของรัฐบาลมากนัก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมในเกาหลีใต้ไม่พอใจ และเรียกร้องให้นายมุนยุติภารกิจเดินทางเยือนจีนทันที แต่ยังไม่มีท่าทีตอบโต้จากโฆษกประจำทำเนียบขาว และคาดว่านายมุนจะปฏิบัติตามกำหนดการเดิมต่อไป เนื่องจากการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกรณีที่ นางสาวปักกึนเฮ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ซึ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม ยอมให้กองทัพสหรัฐฯ ติดตั้งระบบยิงต่อต้านขีปนาวุธเพดานบินสูง หรือทาด (THAAD) บริเวณชายแดนเกาหลีใต้ โดยหันทิศของหัวรบขีปนาวุธไปทางจีนและเกาหลีเหนือเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
It feels so good to hear from Kyo, it feels like it's been forever since I've heard her voice. Mrs Song's first public appearance after wedding has been successful. 😌 #SongHyeKyo pic.twitter.com/ENY5AMAN66
— a u r o r a r a i n. (@_AuroraRain_) December 14, 2017
รัฐบาลจีนมองว่าการติดตั้งระบบทาดเป็นการเอนเอียงเลือกข้างสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของจีนและคาบสมุทรเกาหลี ทำให้รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการออกคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเยือนเกาหลีใต้ ขณะที่ห้างสรรพสินค้าของบริษัทลอตเตซึ่งเป็นกิจการเกาหลีใต้ในจีนก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะจีนสั่งปิดห้างโดยอ้างว่าต้องการตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างอาคาร แต่กลับไม่มีการดำเนินการตรวจสอบ และห้างต้องปิดทำการโดยไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะได้เปิดกิจการเมื่อใด
อีกธุรกิจทีได้รับผลกระทบคืออุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ เนื่องจากละครโทรทัศน์ รวมถึงนักแสดงและนักร้องของเกาหลีใต้ไม่สามารถเข้าไปฉายหรือดำเนินกิจกรรมในจีนได้อย่างสะดวกเหมือนช่วงก่อนจะเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่าง 2 ประเทศ และนายมุนมีนโยบายฟื้นฟูธุรกิจบันเทิงเกาหลีใต้ในตลาดจีนอีกครั้งหนึ่งด้วย เพราะเขาได้เชิญนักแสดงหญิงชื่อดัง 'ซงเฮคโย' ซึ่งโด่งดังในจีนและหลายประเทศทั่วเอเชียจากละครเรื่อง Descendants of the Sun เมื่อปี 2016 รวมถึงนักร้องวงบอยแบนด์ EXO ร่วมในพิธีเลี้ยงอาหารค่ำที่กรุงปักกิ่งของจีนด้วย เพื่อให้เป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์กับภาครัฐและภาคเอกชนจัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวเกาหลีใต้อาจกระทบต่อการรื้อฟื้นสัมพันธ์ได้
เรียบเรียงโดย ตติกานต์ เดชชพงศ