ไม่พบผลการค้นหา
หิมะตกในทะเลทรายซาฮาราไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ แต่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมเตือนว่าสภาพอากาศรุนแรงในพื้นที่จะเกิดขึ้นบ่อยกว่าเดิม เป็นผลจากภาวะโลกร้อน

สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่ามีหิมะตกที่เมืองอินเซฟรา ทางเหนือของประเทศแอลจีเรีย ซึ่งถูกตั้งฉายาว่าเป็น 'ประตูสู่ทะเลทรายซาฮารา' แม้ว่าหิมะที่ตกลงมาจะค่อยๆ ละลายเมื่อเจอกับแสงแดดและอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นในระหว่างวัน แต่ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทำให้ชาวเมืองอินเซฟราออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้

เว็บไซต์ฟอร์บส์และดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่าในรอบ 37 ปีเคยมีหิมะตกในทะเลทรายซาฮาราเพียง 3 ครั้ง ได้แก่ ปี ค.ศ. 1979, ค.ศ. 2016 และปีนี้ ขณะที่ซาฮาราเป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตครอบคลุม 10 ประเทศในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลทรายที่ร้อนที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยที่เมืองอินเซฟราในตอนกลางวันจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส และกลางคืนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย -12 องศาเซลเซียส

ก่อนหน้านี้ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ซึ่งเป็นองค์การหนึ่งในสังกัดสหประชาชาติ เคยเตือนว่าช่วงปี 2017-2018 ประชากรโลกราว 27 ล้านคนจะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศรุนแรงในหลายพื้นที่ ส่วนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่าสภาพอากาศรุนแรงต่างๆ เช่น พายุเฮอริเคน น้ำท่วม ภัยแล้ง และคลื่นความร้อน จะเกิดบ่อยขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน 

UNEP ประเมินด้วยว่าค่าเสียหายทางเศรษฐกิจที่เป็นผลจากภัยธรรมชาติที่มีสาเหตุจากภาวะโลกร้อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 10 ปี และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหายนะต่างๆ จะมีจำนวนทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นจาก 740 ล้านคนในทศวรรษ 1970 ไปถึง 2 พันล้านคน

ส่วนออสเตรเลียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เจออากาศแปรปรวนตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ แต่ชาวออสเตรเลียเจอกับปรากฏการณ์ 'คลื่นความร้อน' แทนที่จะเป็นหิมะ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยเมื่อวันที่ 7 มกราคม สูงสุดถึง 47.3 องศาเซลเซียส และเป็นวันที่อากาศร้อนที่สุดในรอบ 79 ปีของออสเตรเลียด้วย