ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 22 เม.ย. 2566 นิติกร แสงทอง หรือ สจ.เบนซ์ อายุ 33 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี และ พรรษา สายทอง หรือ สจ.โก๊ะ อายุ 46 ปี สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี เขตอำเภอท่ามะกา เดินทางมาที่สภ.เมืองกาญจนบุรี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ชัยรัตน์ จันทร์อนันต์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี หลังถูกรถกระบะขับปาดหน้า และขอตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงเชื่อเป็นการกลั่นแกล้งข่มขู่ทางการเมือง

นิติกร กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะตนและ พรรษา ขับรถจากตำบลลาดหญ้า มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี เมื่อถึงสามแยกท่าพะเนียด ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี มีกลุ่มบุคคลขับรถยนต์อีซูซุ กระบะ 4 ประตู สีเทา จำนวน 1 คัน และรถยนต์อีซูซุมิวเอ็กซ์ สีดำ จำนวน 1 คัน โดยมีกลุ่มชายประมาณ 6 คนลงมาจากรถ และอ้างว่าในรถมีปืนกับยาเสพติด ตนจึงชี้แจงไปว่าเป็นส.จ.และไม่มีสิ่งของเหล่านี้ ก่อนสอบถามไปว่ามาจากหน่วยไหน เนื่องจากแต่งกายคล้ายตำรวจ แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวระบุจะบอกทีหลัง 

นิติกร กล่าวอีกว่า หลังจากตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายตามที่กล่าวอ้าง ต่อมาหนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวแสดงตัวเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยศพ.ต.ต. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวตนและพรรษาไป หลังเกิดเหตุจึงเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีกับพ.ต.ต.นายดังกล่าว ที่ขับรถปาดหน้า เนื่องจากทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความอับอายเสื่อมเสียชื่อเสียง อันมีลักษณะลิดรอนสิทธิเสรีภาพของตนและ พรรษา หลังจากสอบปากคำเบื้องต้น ร.ต.อ.ชัยรัตน์ รับคำร้องทุกข์ไว้ จะได้สอบสวน โดยนัดหมายให้ทั้งสองคนมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 26 เม.ย. 2566 เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม

พรรษา เปิดเผยว่า ตนเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย การทำของตำรวจเช่นนี้เรียกว่าทำเกินกว่าเหตุ ทำให้ตนตกใจและเสื่อมเสีย เพราะมาดักหน้าดักหลังกลางแยก ทำกับเราเป็นอาชญากรอย่างนี้ และคนก็ผ่านไปมาเยอะแยะ เลยมาขอความเป็นธรรม

พรรษา กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่าโดนกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะว่าในอ.เมืองกาญจนบุรี ก็รู้อยู่แล้วว่าตนและ นิติกรอยู่ฝั่งไหน ตอนนี้เหมือนต่อสู้กับอำนาจรัฐอยู่ ตรงนี้จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไว้ ถ้าเกิดมีเหตุการณ์กับตนในอนาคต จะได้มีพยานหลักฐานเก็บบันทึกเอาไว้ 

พรรษา กล่าวด้วยว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง คนเมืองกาญจน์ก็รู้ว่าตนเดินการเมืองแบบไหน ไม่อยากให้ไปทำกับคนอื่นด้วย เพราะเราเป็น สจ. ก็ยังโดนขนาดนี้เลย ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาที่เขาอาจจะไปเชียร์พรรคโน้นพรรคนี้ ไม่ได้เชียร์พรรคตัวเอง ไม่ได้เชียร์อำนาจรัฐ เขากลัวกันไปหมด อย่างนี้ไม่มีประชาธิปไตยแล้ว อยากฝากไว้อย่าไปทำกับคนอื่นเลย