ไม่พบผลการค้นหา
‘ชาย นครชัย’ กกต.คนใหม่ เปิดใจ ไม่หวั่นการเมืองกดดัน-ทัวร์ลง ย้ำทำหน้าที่ยึด กม. เป็นหลัก พร้อมพิจารณาทุกข้อร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง

วันที่ 9 ต.ค. ชาย นครชัย กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่ว่า ตั้งใจอยากเข้ามาทำให้การดำเนินการของ กกต. ดีขึ้น ช่วงเลือกตั้งเห็นมีคนบ่นกันเยอะ คิดว่าติดขัดอะไรก็อยากเข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น โดยปัญหาแรกที่ควรแก้ไขคือ ต้องพยายามทำความเข้าใจ เพราะข้อกฎหมายกำหนดว่า ให้ กกต.ดูแลเชิงนโนยบาย และสำนักงานฯ ทำงานด้านธุรการ แต่คนจะเหมารวมว่า กกต. ดูแลทุกอย่าง ซึ่งไม่ใช่เช่นนั้น จึงอยากให้ทำความเข้าใจในจุดนี้ 

ชาย กล่าวอีกว่า ส่วนงานการเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองโดยตรงก็เห็นว่า การเมืองอยู่ที่คนคิด แต่ในฐานะ กกต. เราก็ต้องทำตามข้อกฎหมาย จะทำนอกเหนือที่กฎหมายกำหนดไม่ได้ ถ้าการเมืองผลักดันอะไรมา แล้วเราทำอะไรที่มันไม่ใช่ ปัญหาที่ตามมาจะเกิดขึ้น จึงต้องดูว่า กฎหมายเขียนให้เราทำอะไร เพราะกฎหมายเขียนมาเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ เราจึงต้องทำเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศเป็นหลัก 

สำหรับความกดดันทางการเมืองที่ กกต. ต้องแบกรับจากฝ่ายการเมืองนั้น ชาย กล่าวว่า พวกเขา (พรรคการเมือง) จะมากดดันอะไร เราไม่ได้กินเงินเดือนเขา เงินเดือนรัฐบาลก็ไม่ใช่ แต่เรากินเงินเดือนจากภาษีประชาชน และคิดว่า ถ้าเขามีปัญหาก็มาคุยกัน และหาทางแก้ไขปัญหา เช่น กฎหมายนี้ใช้แล้วติดขัด ก็ควรมาคุยกันเพื่อหาทางออก คิดว่า ทุกทางเดินมีทางออก ขึ้นอยู่กับว่า เราเลือกทางออกอย่างไรในการแก้ปัญหา

“ถ้าเราคิดตามกระแสก็จะหนักใจว่าทัวร์จะลงไหม แต่เราก็ไม่ได้เล่นโซเชียล ก็ไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่ แล้วบางเรื่องเขาก็ต้องดูด้วยว่า อะไรเหมาะ อะไรควร สังคมต้องอยู่กันด้วยความรอมชอม ไม่ใช่ทุกคนต่างมุ่งเป้าเอาของตัวเอง ทุกคนมีสิทธิ แต่สิทธิของคนอื่นเราไม่สนใจก็จะอยู่อย่างลำบาก และก็จะมีปัญหาไปเรื่อยๆ เราต้องช่วยกัน และทำให้เมืองไทยน่าอยู่” ชาย กล่าว 

สำหรับการโยกสายงานจากกระทรวงวัฒนธรรมมาที่สำนักงาน กกต. นั้น ชาย กล่าวว่า น่าจะเป็นความได้เปรียบ เพราะอยู่งานของกระทรวงวัฒนธรรมมา ทำให้มีเครือข่ายเยอะ ได้รับฟังปัญหา และวัฒนธรรมของแต่ละพื้นถิ่นว่าเป็นอย่างไร เราก็จะได้นำมาปรับปรุงให้เข้าบริบทของคนไทยได้ ส่วนข้อกฎหมาย เราได้ศึกษาระเบียบ กกต. และพิจารณาไปตามข้อกฎหมายนั้นๆ 

ส่วนภาระงานที่ต้องร่วมพิจารณาเรื่องร้องเรียน หรือเรื่องคัดค้านผลการเลือกตั้ง สส. ซึ่งอาจถูกการฟ้องร้องตามมาจะทำให้หนักใจหรือไม่ ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ร่วมจัดการเลือกตั้งกับ กกต. มาตั้งแต่แรกนั้น ชาย กล่าวว่า ก็คงต้องไปเป็นหมู่คณะ เข้ามาแล้วก็ต้องช่วยกันทำให้ดี หลักของตนคิดว่า ต้องว่าไปตามเนื้อผ้า ถ้าเขาทำถูกก็ว่าถูก ถ้าทำผิดก็ว่าผิด และ กกต. ก็ต้องทำงานจริงจัง ถ้าผิดก็ต้องว่าผิด คนจะได้เข็ดหลาบ ไม่ทำเรื่องที่จะเกิดปัญหาต่อไป