ไม่พบผลการค้นหา
พลเอกประยุทธ์ ยืนยันลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่หวังผลทางการเมือง ฟากกลุ่มจังหวัดอีสานตอนล่าง เตรียมเสนองบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและชีวิตความเป็นอยู่

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.นั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยวาระการประชุมที่น่าสนใจซึ่งต้องจับตาดูการอนุมัติงบประมาณพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรือกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรี (นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์) กว่า 20,000 ล้านบาท โดยเน้นโครงการน้ำเพื่อการเกษตร การป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ระบบระบายน้ำในเมืองใหญ่ รวมถึงโครงการปรับปรุงสนามบินบุรีรัมย์ เพื่อเป็นสนามบินนานาชาติ และขยายรันเวย์ เป็น 3000 เมตร และก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร 2 ชั้น รองรับการแข่งขัน จักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพีไทยแลนด์ เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้

นอกจากนี้ คาดว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียม เสนอขอความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าชุมชน ซึ่งหากที่ประชุม ครม.เห็นชอบ จะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีส่วนร่วมในการดูแลป่า ทั้งป่าไม้และป่าเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ชาวบ้านเฝ้ารอมานานกว่า 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหน สามารถอนุมัติได้ แต่รัฐบาลนี้ จะผลักดันให้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะสอดรับกับกรณี บ้านพักตุลาการ เชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ หลังเตรียมฟื้นฟูป่าในพื้นที่ 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนประชุมว่าการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่รัฐบาลพยายามเดินหน้าให้ครบกลุ่มจังหวัด โดยบางจังหวัดที่ไปไม่ได้ ได้เชิญผู้ว่าฯ มาร่วมประชุมเสนอแผนงานต่างๆ ซึ่งเป็นการสื่อสาร 2 ทาง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องวางแผนแม่บทไว้ก่อน แต่ก็รับฟังความเห็นของประชาชนด้วย และวางแผนให้สอดคล้องกัน และไม่สามารถให้ทุกคนได้หมด ตามที่ร้องขอ แต่ต้องมีการพิจารณาและปรับลดงบประมาณด้วย


"ไม่ใช่ขอมาล้านล้าน หรือหมื่นล้านแล้วจะได้หมด เพราะต้องผ่านการพิจารณาจาก ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารแผ่นดิน ไม่ใช่ใครดีด้วยแล้ว ต้องให้หรือให้ทุกอย่าง ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องให้คนทั้งประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมในสังคม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พร้อมกันนี้ย้ำว่าขอให้ส่วนราชการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเน้นความมั่นคงทั้งทางการเมืองและการทหาร รวมทั้งความมั่นคงภายใน ที่ประชาชนจะต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนี้ จะต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมีตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีการให้งบประมาณไปยังตำบล จังหวัดและกลุ่มจังหวัด มีหลายโครงการที่สร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขัน และอำนวยความสะดวกให้ทุกอาชีพ

อ่านเพิ่มเติม