ไม่พบผลการค้นหา
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยันเดินหน้าพบสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ชี้ดีเบตเป็นแบบอย่างการเมืองตามหลักประชาธิปไตย ปัดลาออกจากพรรคหากไม่ได้เลือกเป็นหัวหน้า ขณะที่ "อลงกรณ์ พลบุตร" โชว์วิสัยทัศน์ กรุงเทพยุคใหม่สู่มหานครนานาชาติ 5 มิติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการดีเบตชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของ 3 ผู้สมัครวานนี้ (26 ต.ค.) ว่า ถือว่าเป็นบรรยากาศที่น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีต่อพรรคการเมืองตามหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวจะช่วยให้สมาชิกพรรคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ยืนยันว่าจะต้องเดินหน้าพบปะกับสมาชิกพรรคทั่วประเทศต่อไป จนถึงวันที่ 31 ต.ค.นี้ ส่วนจะมั่นใจในการลงชิงตำแหน่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค เพราะให้เกียรติกับทุกคน แต่หน้าที่ตอนนี้คือพยายามโน้มน้ามสมาชิกให้มากที่สุด พร้อมย้ำว่า เชียร์กันเฉยๆ ไม่ได้ สมาชิกต้องออกมาเลือกด้วย

ส่วนกระแสข่าวลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์พรรคหากไม่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเพียงคำถามที่ถามขึ้นตอนหนึ่งในช่วงดีเบตเท่านั้น ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน และการดีเบตจะไม่สร้างความแตกแยกภายในพรรค เพราะเป็นการตั้งใจที่จะหยั่งเสียงหัวหน้าพรรคลักษณะนี้ ถือเป็นการแข่งขันตามหลักของประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตามวันนี้ (27 ต.ค.) เดินทางไปสักการะหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดปัตตานี พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ ได้ร่วมกิจกรรมลอดท้องช้างกับพี่น้องชาวปัตตานี และนักท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อกันว่ามีความเป็นศิริมงคล บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ก่อนเดินทางไปปราศรัยกับสมาชิกพรรคฯ ที่โรงแรม ซี เอส ปัตตานี

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค ประชุมสมาชิกพรรคในกรุงเทพมหานครที่โรงแรมรอยัลซิตี้ แสดงจุดยืนนโยบายวิสัยทัศน์ "กรุงเทพยุคใหม่" ว่า ในฐานะผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรคได้เสนอแนวทางการเมืองสีขาวมุ่งเน้นปฏิรูปพรรคเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ด้วยกฎเหล็ก 5 ข้อ พร้อมกับนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ปี2325 พัฒนาจนเป็นเมืองศูนย์กลางราชการศูนย์กลางการค้าและธุรกิจใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนประชากรตามทะเบียน 5.5 ล้านคน มีทุนทางประวัติศาสตร์ทุนวัฒนธรรมและความเจริญก้าวหน้าจนเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากที่สุดในโลกติดต่อกัน 3 ปี ซ้อนเหนือกว่าทุกเมืองในโลกนี้ ความเป็นเป็นเมืองแห่งโอกาสที่เติบโตเร็วทำให้มีประชากรจริงประชากรแฝงกว่า 10 ล้านคน เกิดชุมชนแออัดปัญหามลภาวะยาเสพติดอาชญกรรมอบายมุขการจราจรติดขัดค่าครองชีพสูงจึงต้องปฏิรูปกรุงเทพด้วยวิสัยทัศน์”กรุงเทพยุคใหม่2570 ตั้งเป้าหมายภายใน10ปีเป็น”มหานครนานาชาติ”( International Metropolitan)โดยพัฒนาเมืองใน 5 มิติ 1.เมืองนานาชาติ(International city)2.เมืองสร้างสรรค์ (Creative city)3.เมืองพัฒนายั่งยืน(Sustainable city) 4. เมืองดิจิตอล(Digital city) 5.เมืองสีเขียว(Green city)

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของ สข.ที่มีข้อเสนอให้ยุบเพราะซ้ำซ้อนกับ สก. เห็นว่าในรูปแบบมหานครนานาชาติจะต้องมี สข. แต่พัฒนาขึ้นเป็น สภาเขตกทม.ใน 50 เขต ทำหน้าที่ร่วมคิดร่วมพัฒนาร่วมถ่วงดุลและตรวจสอบผู้อำนวยเขตและฝ่ายราชการโดยมาจากการเลือกตั้ง สำหรับสก.ทำหน้าที่เป็นสภากทม.เหมือนสภาผู้แทนออกข้อบัญญัติควบคุมตรวจสอบฝ่ายบริหารและพิจารณางบประมาณ ทั้งสก.และสข.สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้ นอกจากนั้นจะให้มีซูเปอร์บอร์ดรับผิดชอบนโยบายและแผนงานร่วมในการพัฒนากรุงเทพและจังหวัดปริมณฑลให้สอดคล้องกัน

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองจะต้องแข่งนโยบายวิสัยทัศน์และความสามารถในการทำงาน จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยพรรคจะมีนโยบายประเทศและนโยบายแต่ละภูมิภาคนำเสนอต่อประชาชน ส่วนแนวคิดกรุงเทพยุคใหม่เป็นของผู้สมัครยังไม่ใช่ของพรรค แต่จะทำทันทีที่เป็นหัวหน้าพรรค