นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมการทำงานและมอบนโยบาย โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า บีโอไอได้รายงานภาวะการลงทุนในปีที่ผ่านมา โดยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 600,000 ล้านบาท และมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 1,456 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 641,978 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยื่นขอลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จำนวน 388 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 296,889 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 641,978 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยื่นขอรับส่งเสริมของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S Curve) เป็นมูลค่า 392,141 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม (Frist S Curve) 241,055 ล้านบาท และ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S Curve) 151,087 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บีโอไอยังได้เตรียมนำเสนอแผนการส่งเสริมการลงทุนในปี 2561 ซึ่งจะเน้นการสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ "ประเทศไทย 4.0" และผลักดันให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี
นอกจากนี้ บีโอไอยังคงมีแผนเดินสายชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศ (โรดโชว์) และได้กำหนดประเทศเป้าหมาย อาทิ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง เกาหลีใต้ ยุโรป เป็นต้น เพื่อเผยแพร่นโยบายและรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอและรัฐบาล ประกอบด้วยคณะชักจูงการลงทุนที่นำโดยนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง และคณะชักจูงการลงทุนซึ่งนำโดยผู้บริหารบีโอไอ รวมจำนวนกว่า 30 ครั้ง และในปีนี้บีโอไอจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนในพื้นที่อีอีซี อีกไม่น้อยกว่า 15 ครั้ง
สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมายในการชักจูงการลงทุน จะเป็นกลุ่มที่มีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในปี 2560 พบว่า อันดับหนึ่งคือ โครงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น มูลค่า 133,002 ล้านบาท อันดับสองคือ สิงคโปร์ มูลค่า 40,366 ล้านบาท อันดับสาม จีน 27,514 ล้านบาท อันดับสี่ สหรัฐอเมริกา 20,022 ล้านบาท และอันดับห้า เนเธอร์แลนด์ 15,842 ล้านบาท
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้รายงานถึงความพร้อมในการจัดกิจกรรมสัมมนาใหญ่ต่อยอดจากงาน Opportunity Thailand โดยมีแผนจัดงานดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรก