ไม่พบผลการค้นหา
การชุมนุมของกลุ่มผู้ต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาลฝรั่งเศส ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุม-เจ้าหน้าที่ มีผู้ถูกจับกุมกว่า 200 คน บาดเจ็บอีกราว 107 คน แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประณามผู้ก่อความรุนแรงในการประท้วงต่อต้านมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่ถูกลูกหลง และเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามจลาจลซึ่งถูกทำร้าย โดยการกล่าวประณามครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้นำฝรั่งเศสเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา

ผู้ประท้วงกลุ่ม 'เสื้อกั๊กเหลือง' ซึ่งเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน ระบุว่าผู้เข้าร่วมการประท้วงทั่วประเทศในสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 1 ธ.ค. 2561 มีจำนวนประมาณ 75,000 คน โดยผูุ้ชุมนุมในกรุงปารีส เมืองหลวงฝรั่งเศส คาดว่ามีจำนวนประมาณ 5,500 คน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามจลาจลระบุว่า จำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุมถือว่าลดลงจากการชุมนุมในสัปดาห์แรกๆ เมื่อวันที่ 17 และ 24 พ.ย. ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่ามีผู้เข้าร่วมกว่าแสนคน จนเกิดการปะทะรุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งแม้ว่าผู้ชุมนุมจะลดลงในสัปดาห์ที่ 3 แต่กลับมีการใช้ความรุนแรงก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า แกนนำการชุมนุมบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และย้ำว่า ผู้ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสร้างความเสียหายแก่สถานที่สำคัญ เช่น ประตูชัยบนถนนช็องเซลิเซในกรุงปารีส จะต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง

AFP-กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองประท้วงการขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาลฝรั่งเศส-ตร.ยิงแก๊สน้ำตาที่ประตูชัยในปารีส.jpg

ส่วนคริสตอฟ กาสตาญเญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส แถลงว่าผู้ประท้วงอย่างน้อย 1 รายมีอาการบาดเจ็บสาหัส และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตในการประท้วงเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เนื่องจากผู้บาดเจ็บอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามดึงรั้วเหล็กบริเวณสวนสาธารณะตูเญรีให้พังลงมา จึงถูกรั้วทับเพราะหนีไม่ทัน


การจลาจลรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

นอกจากร้านค้าหลายแห่งจะถูกทำลายและถูกปล้นสินค้าไปในระหว่างเกิดจลาจลแล้ว ยังมีรายงานด้วยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติถูกอพยพออกจากพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่งในกรุงปารีส เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่ากลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงที่แฝงตัวในหมู่ผู้ชุมนุมจะบุกรุกเข้าไปในอาคาร แต่ตำรวจยืนยันว่าจะติดตามผู้ก่อเหตุที่ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนมาดำเนินคดีให้ได้

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนพลเมืองอเมริกันที่อยู่ในฝรั่งเศสให้ใช้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมที่มีอยู่ราว 20 จุดทั่วประเทศฝรั่งเศส พร้อมทั้งติดตามคำเตือนของทั้งรัฐบาลฝรั่งเศสและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส แถลงเตือนประชาชนไทยในฝรั่งเศส หากไม่จำเป็นก็ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปบริเวณกลางกรุงปารีส (เขต 1 เขต 2 เขต 8 และเขต 16 ส่วนใกล้ประตูชัย) และโปรดใช้ความระมัดระวังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เนื่องจากมีการชุมนุมที่จตุรัสโอเปรา ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า Galerie Lafayette ทั้งยังมีการปิดถนนและปิดสถานีรถไฟใต้ดินหลายสถานี

อย่างไรก็ตาม ช่วงค่ำวันเสาร์ตามเวลาฝรั่งเศส มีรถตำรวจและรถยนต์ของประชาชนถูกเผาข้างถนนบางจุดในกรุงปารีส และมีผู้ขโมยปืนไรเฟิลไปจากรถตำรวจจำนวนหนึ่ง และรัฐบาลฝรั่งเศสอาจจะพิจารณาประกาศสภานการณ์ฉุกเฉิน เพราะถือเป็นเหตุการณ์จลาจลที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา

ที่มา: AP/ Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: