การประชุมใหญ่ผู้ร่วมจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) ที่มีรผู้ร่วมก่อตั้งกว่า 300 คน มีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ดังนี้ หัวหน้าพรรค คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.), รองหัวหน้าพรรค คือ พล.อ. ลือพงศ์ โชติวิทยกาญจน์ และ นายเทพสิทฐิ์ ปะวาหะนาวิน, เลขาธิการพรรค คือ นพ. มโน เมตตานันโท เลาหวณิช, และโฆษกพรรค คือ นายชัยภัฎ จันทร์วิไล
โดยพรรคประชาชนปฏิรูปมีอุดมการณ์ที่จะเป็นพรรคของประชาชนที่มีจิตสาธารณะ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชนในการปฏิรูป และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในแต่ละจังหวัด และพรรคเป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ระดับชาติ มีสภาประชาชนปฏิรูปประจำจังหวัดทำหน้าที่ช่วยเหลือนด้านกฎหมายแก่ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน ส่วนการดำเนินการในพรรคต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ มุ่งสร้างความถูกต้องและเป็นธรรมแก่สังคม ตามหลักธรรมาธิปไตย เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยทางตรง ถ่วงดุลกับฝ่ายประชาธิปไตยสุดโต่ง โดยจะลงมือทำสภาฯทันทีหลังจดจัดแจ้งพรรคเรียบร้อยแล้ว
นโยบายของพรรคมุ่งเน้นการปฏิรูปมี 3 ข้อหลักคือ
1.ปฏิรูปเพิ่มอำนาจให้ประชาชน ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจรัฐ เพื่อส่งเสริมระบบคุณธรรมแทนระบบอุปถัมภ์
2.ปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ เช่น การจัดการจัดทรัพย์สินวัด และพระภิกษุให้เป็นไปตามพระะรรมวินัย และส่งเสริมพุทธศาสนิกชนให้น้อมนำหลักธรรมที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา
3.ปฏิรูปการเมือง และพรรคการเมือง ให้เป็นเครื่องมือของประชาชน ส่งเสริมระบบคุณธรรมเพื่อให้คนดีมีความสามารถเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เช่น นายกรัฐมนตรีคนกลาง โดยไม่จำกัดว่าบุคคลนั้นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนนโยบายการดำเนินการปฏิรูปในด้านอื่นๆให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ
ขณะนี้มีผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯแล้วกว่า 1500 คน และการประชุมวันนี้เลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มมาอีก 5 คน จากเดิม 27 คนเป็น 32 คน เน้นย้ำ อุดมการณ์และนโยบายของพรรค โดยจะเดินหน้าให้เกิดความเป็นรูปธรรมภายใน 5 ปีแรก
ส่วนการปลดล็อคพรรคการเมือง นายไพบูลย์ เห็นด้วยหากจะมีการปลดล็อกตามขั้นตอน 1-2-3 แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ปลดล็อกหมดทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นจะกลับไปสู่แบบเดิม ถ้าปลดล็อกควรปลดเพียงแค่ให้พรรคการเมืองจัดประชุมได้ตามกรอบกำหนดเวลาเดิมได้ แต่ไม่ใช่ปลดเพื่อให้ พรรคการเมืองได้เคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง คสช.ควรคงคำสั่งนี้ไว้ให้ไปถึงหลังเลือกตั้งเลย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยอย่างที่ประชาชนหวังเอาไว้
นอกจากนี้ นายไพบูลย์ ยังยืนยันที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความสามารถ ที่สนับสนุนไม่ใช่เพียงเพราะ รู้จักกันดี หรืออยู่พรรคเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้นจะเป็นระบบอุปถัมภ์ แต่ตนสนับสนุนในระบบคุณธรรม ท่านไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ก็ได้เพื่อให้ได้มาเป็นนายกฯคนกลาง การเป็น ส.ส. ไม่ได้สะท้อนว่าจะเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม ในวันนี้ยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมที่สุด มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ทั้งตัวท่านและครอบครัวไม่มีเสียงติฉินนินทาเรื่อง คอรัปชั่น และจากการที่ตำรวจเข้าจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ และดำเนินคดี ถือเป็นส่วนหนึ่งของการที่ได้มีการเดินหน้าเรียกร้องของผู้ร่วมก่อตั้งพรรค จึงขอบคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล้าปฏิรูปวงการสงฆ์ เพราะหากเป็นพรรคเมืองคงไม่กล้าที่จะดำเนินการ ตนเห็นว่าควรสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะคนกลาง ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมืองใดก็ได้ แต่ถ้าวันข้างหน้าไปสังกัดพรรคการเมืองใด ค่อยมาว่ากันอีกครั้ง