ช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ข่าวของเดวิด กู๊ดออล นักวิทยาศาสตร์ วัย 104 ปี ที่เดินทางจากออสเตรเลียไปจบชีวิตของตัวเองที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้หยิบยกประเด็นเรื่องสิทธิการตายขึ้นมาให้คนทั่วโลกได้ถกเถียงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกครั้ง แม้เขาจะไม่มีวันบินมาประเทศไทยแน่ๆ เพราะเรายังไม่อนุญาตให้มีการฆ่าตัวตายภายใต้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ แต่กระนั้น มาตรา 12 ของพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ระบุให้บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียง เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้
“โดยการแพทย์กระแสหลักตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็คือหมอพยายามรักษาให้หาย ซึ่งบางทีมันไม่หายแล้ว ผู้ป่วยแม้จะในระยะสุดท้ายของชีวิตแล้วก็จะอยู่ในกระบวนการที่เรียกว่ายื้อชีวิต เช่น การปั๊มหัวใจ การใส่ท่อช่วยหายใจ การสายอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางทีผู้ป่วยก็ไม่ต้องการ แต่โดยจรรยาบรรณของแพทย์ เป็นสิ่งที่จะต้องทำต่อไป Living Will จึงเกิดขึ้นมาเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ป่วยที่ต้องการจากไปตามธรรมชาติ ในประเทศไทยก็จะมีกฎหมายที่รองรับการเขียนเจตนาในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิตว่าถ้าแพทย์ทำตามเจตนารมณ์ของผู้ป่วยก็จะไม่มีความผิดนะครับ”เอกภพ สิทธิวรรณธนะ อาสาสมัครชีวามิตรอธิบายความสำคัญของการเขียน Living Will
เขายืนยันว่า เราสามารถเขียน Living Will หรือหนังสือแสดงเจตนาในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตได้ด้วยลายมือ โดยจะต้องมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
1.ข้อมูลส่วนบุคคล (สามารถเขียนทัศนะที่เรามีต่อชีวิตและความตายไว้ได้ด้วย)
2.ความต้องการที่จะได้รับการดูแลจากครอบครัวและแพทย์ในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิต
เมื่อไม่สามารถสื่อสารถึงความต้องการให้ดูแลอย่างไรได้ ก็สามารถสื่อสารกับแพทย์ไว้ได้ อย่างเช่น ต้องการให้ปั๊มหัวใจ หรือใส่ท่อช่วยหายใจไหม ไปจนถึงต้องการให้ใครมาเยี่ยมบ้าง เป็นต้น
3.ผู้ตัดสินใจแทน เมื่อเราตัดสินใจเองไม่ได้แล้ว (ระบุชื่อนามสกุล ความสัมพันธ์ และข้อมูลการติดต่อ)
4.การจัดงานศพและจัดการร่างกาย
5.ลงชื่อและวันที่
Living Will สามารถเขียนใหม่ได้ แก้ไขได้ โดยจะยึดฉบับที่ลงวันที่ล่าสุดเป็นหลัก
แต่ถึงแม้จะมี Living Will แล้ว หากปราศจากการสื่อสารความต้องการของตัวเองกับคนสำคัญรอบตัวก็ไร้ความหมาย เพราะท้ายที่สุด คนที่จะยื้อไม่ให้เราจากไปตามที่เราต้องการก็คือคนที่รักเรา
นันทวัน ทองสุก ผู้ประสานงานฝึกอบรม ชีวามิตร ยืนยันว่าเมื่อเขียนแล้วจำเป็นต้องสื่อสารให้คนที่สำคัญกับเราได้รับรู้ ความท้าทายจึงอยู่ที่การเริ่มชวนครอบครัวและคนรักคุยเรื่องความตาย และการทำให้อีกฝ่ายรู้จักและเข้าใจตัวตนของเราได้จริง ๆ