พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณี โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีมายาวนานกว่า 200 ปี และคาดว่าจะกระชับความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น มีสายสัมพันธ์ และมิตรไมตรีแบบในอดีตเสมอมา
"ผมได้สั่งเตรียมการไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว โดยกระทรวงการต่างประเทศจะต้องดำเนินการหลายเรื่องด้วยกัน จะมีการหารือกันกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันเราต้องเตรียมความพร้อมของเราไว้ด้วยหลายๆ เรื่อง แม้กระทั่งจะมีนโยบายต่างๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม เราก็ต้องปรับตัว ให้สร้างสมดุลในภูมิภาคของเราให้ได้ คงไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่รวมถึงอาเซียนด้วย ก็หวังเป็นเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ที่ดีเหล่านั้นจะสืบสานกันต่อไปในอนาคต"พล.อ.ประยุทธ์
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ถึงแม้เราจะไม่มีการเยี่ยมเยือนในต่างประเทศ หรือต่างประเทศมาเยือนเรามากนัก เพราะติดปัญหาโควิด-19 แต่ตนได้มีการพูดคุยกับผู้นำประเทศต่างๆ ทั้งทางโทรศัพท์และการประชุมทางไกลบ้าง และในสัปดาห์หน้า ตนจะประชุมอาเซียนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. โดยมีเวียดนามเป็นประธาน และเจ้าภาพการประชุมในปีนี้ คงจะได้ข้อสรุปหลายอย่างด้วยกันในการดำเนินการ และรอการลงนามร่วมกันในเรื่องอาร์เซ็ปที่น่าจะสำเร็จในปีนี้ เพราะเราได้เริ่มต้นจากการประชุมครั้งที่แล้ว
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากผลการเลือกตั้งที่ออกมา เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหมาย ซึ่งจะทำให้ผลรวมของภาวะเศรษฐกิจโลกลดความตึงตัวลง และคาดว่าคาดการณ์ว่าจะทำให้ทุกอย่างไปได้ดีขึ้น โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้รับผลบวก
นอกจากนั้น คาดว่าโจ ไบเดนจะหันมาใช้เวทีพหุภาคีในการเจรจาทางการค้ามากขึ้นกว่าการใช้เงื่อนไขระหว่าง 2 ประเทศ คือ สหรัฐ และประเทศคู่ค้าทีละประเทศ ซึ่งถ้าเป็ยรูปแบบนี้ก็จะเป็นเวทีให้ประเทศไทยสามารถร่วมกับอาเซียนในการเจรจาต่อรองกันได้มากขึ้น หรือไปใช้กลไกขององค์การการค้าโลก (WTO) ได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นเวทีการค้าพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีความเป็นไปได้ว่า ไบเดน จะหันมาให้ความสำคัญกับ WTO มากขึ้น และคาดว่าไบเดนจะให้ความสำคัญกับนโยบายอินโด-แปซิฟิก หมายความว่าจะให้ความสำคัญกับกลุ่มประเทศในมหาสมุทรอินเดียกับกลุ่มประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีประเทศไทยร่วมอยู่ในนั้น ดังนั้น ไทยก็จะได้ประโยชน์ และไทยก็เป็นตัวร่วมอยู่ในกลุ่มประเทศ หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป) จีนจะเป็นหัวเรือใหญ่
ดังนั้น ไทยจะอยู่ร่วมทั้ง 2 ส่วน คืออิโด-แปซิฟิก และอาร์เซปที่กำลังจะมีการลงนามร่วมกันในอีกไม่นาน จะเป็นสื่งที่เป็นประโยชน์ และที่สำคัญตัวเลขทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น บวกถึง 7% กว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเดือนต.ค. ที่ผ่านมา บวกถึง 20% ดังนั้นจากนี้ไป คาดว่าตัวเลขการส่งออก มูลค่าการค้าไทย-สหรัฐ น่าจะขยายตัวดีขึ้น