การเมือง
ศบค.คาดสัปดาห์หน้า'เดลตา' พ่นพิษติดโควิดพุ่งวันละหมื่นราย
สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก วันพุธที่ 7 ก.ค. 2564 ยอดผู้ติดเชื้อรวม 185,381,383 ราย เพิ่มขึ้น 428,467 ราย เสียชีวิต 4,008,981 ราย เพิ่มขึ้น 7,997 ราย
อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1. สหรัฐอเมริกา 34,622,690 ราย 2. อินเดีย 30,662,896 ราย 3. บราซิล 18,855,015ราย 4. ฝรั่งเศส 5,790,584 ราย 5. รัสเซีย 5,658,672 ราย ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 64 จำนวน 301,172 ราย
สถานการณ์การในประเทศ ผู้ป่วยรายใหม่ 6,519 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 301,172 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 54 ราย เสียชีวิตสะสม 2,387 ราย
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ศบค. แถลงว่า ขณะนี้มีผู้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 67,614 ราย อาการหนัก 2,496 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจมากขึ้น เป็นจำนวน 676 ราย ทั้งนี้ ผู้ใช้เครื่องช่วยหายใจทุกๆ 10 คน จะมีรายงานการเสียชีวิตอยู่ที่ 1-2 คน นอกจากนี้กรมควบคุมโรค ยังรายงานว่าผู้สูงอายุทุกๆ 10 คน จะเสียชีวิต 1 คน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มการติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กับต่างจังหวัดนั้น มีปริมาณเท่าๆกัน คิดเป็น 50% ต่อ 50% โดยจะเห็นว่า มีการเดินทางของประชาชนจากพื้นที่สีแดงกลับไปยังต่างจังหวัด ทำให้พบการกระจายการติดเชื้อไปแล้ว 40 จังหวัด ภาคเหนือ 17 จังหวัด ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 88 ราย ภาคกลางและภาคตะวันออก 9 จังหวัด 65 ราย ตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด 218 ราย ภาคใต้ 3 จังหวัด 6 ราย
“ขอเน้นย้ำไปยังจังหวัดปลายทาง เพราะมีรายงานทุกวันว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในต่างจังหวัดมีมากขึ้น และเมื่อกรุงเทพฯ มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ก็เป็นไปได้ที่ต่างจังหวัดจะพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทีมสาธารณสุข หน่วยงานมหาดไทย ในพื้นที่ต้องเตรียมการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตียงรองรับการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม การสอบสวนโรค ประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนเฝ้าระวัง”
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประเมินสถานการณ์การติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาที่มีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเป็น 2 เท่าภายใน 2 สัปดาห์
“ตอนนี้เราจะเห็นว่าตัวเลขจากหลักพันขึ้นเป็น 2 พัน แล้วก็ขึ้นเป็น 4 พัน คาดการณ์ไปในสัปดาห์หน้า อาจจะยังขึ้นได้ถึง 1 หมื่น จึงต้องเน้นย้ำให้ทุกท่านใช้มาตรการส่วนตัว ลดการเคลื่อนย้าย และเฝ้าระวังผู้สูงอายุและย้ำการฉีดวัคซีน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
