วันที่ 6 ก.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 6 จังหวัด โดยมีกรอบวงเงิน 2,500 ล้านบาท ซึ่งได้มีการเห็นชอบในหลักการไปแล้วสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งวันนี้เป็นการเห็นชอบในวงเงิน ซึ่งการเยียวยาสำหรับผู้ประกันตนและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในส่วนของกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร มีกรอบวงเงินทั้งสิ้น 2,519.38 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนได้แก่นายจ้างผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ใน 4 ประเภท คือ การก่อสร้าง กิจการที่พักแรม บริการด้านอาหาร รวมไปถึงกิจการศิลปะความบันเทิง นันทนาการ และกิจการที่เกี่ยวกับการบริการด้านอื่นๆที่ได้รับผลกระทบโดยดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.เป็นต้นไป ส่วนหลักเกณฑ์ต่างๆก็เป็นไปตามหลักการที่ได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม 

อนุชา กล่าวต่อว่า ครม.เห็นชอบการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม 10.9 ล้านโดส กรอบวงเงิน 6,111.412 ล้านบาท ที่จะใช้จากวงเงินกู้ ซึ่งในจำนวนวัคซีน 10.9 ล้าน จะเป็นในส่วนของวัคซีนซิโนแวค โดยมีข้อสังเกตว่าจะจัดหาวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อที่จะสามารถป้องกันการติดเชื้อกลายพันธุ์ของโควิด-19 เพิ่มเติมควบคู่กับวัคซีนที่ได้รับอนุมัติในวันนี้ 10.9ล้านโดส โดยในส่วนของกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้จัดหาวัคซีน โควิด-19 โดยแบ่งเป็นเดือน ก.ค. 3,894.8 ล้านบาท เดือน ส.ค.จำนวน 2,169.96 ล้านบาท โดยมีค่าบริการจัดการวัคซีน โควิด-19 และส่วนที่เกี่ยวข้องอีก 46.6520 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,111.421 ล้านบาท 

นอกจากนี้ในส่วนวัคซีนอื่นๆ ที่ ครม.เห็นชอบคือ ไฟเซอร์ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีน และมอบให้กับทางอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้ลงนามในสัญญา และรับข้อสังเกตของอัยการสูงสุดไปดำเนินการ ในการเจรจาหรือพูดคุยต่อเนื่องกับด้านผู้ผลิตไฟเซอร์ ในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นจำนวน 20 ล้านโดส ทั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาได้เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่กรมควบคุมโรคจะต้องเจรจาเพิ่มเติมกับทางผู้ผลิตอีกครั้งหนึ่ง 

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบ การตกลงกับทางประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมอบความช่วยเหลือวัคซีน หรือวัคซีนที่บริจาคจากทางสหรัฐอเมริกา ยี่ห้อไฟเซอร์ ซึ่งจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทางด้านรัฐบาลจะต้องดำเนินการเพิ่มเติม

อนุชา กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบการจัดหาวัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนต้องชำระเงินกับทางภาคเอกชนในการฉีดวัคซีน โดยคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณะสุข โดยองค์การเภสัชกรรม เป็นตัวกลางในการจัดหาวัคซีนทางเลือก ให้ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เป็นผู้ลงนามในสัญญา และรับข้อสังเกตเช่นเดียวกันกับวัคซีนไฟเซอร์ ที่มีความเห็นจากอัยการสูงสุด เพื่อไปดำเนินการให้เหมาะสมกับเรื่องการเจรจาสัญญาเช่นเดียวกัน