ชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศพรรคเพื่อไทย เป็น 1 ใน 20 ผู้ได้รับหมายเรียกตัวในข้อหา ‘ร่วมกันจัดกิจกรรมมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดฯ’ จากกรณีการขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ประเด็นเรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1448 เพื่อให้มีการรับการสมรสคู่รักเพศเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองอีก 5 พรรคได้รับหมายเรียกไปเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกัน โดยมี ชญาภา สินธุไพร , ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และ ขัตติยา สวัสดิผล สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปร่วมให้กำลังใจ
ชานันท์ กล่าวว่า นี่เป็นอีกครั้งที่รัฐพยายามปิดกั้นจำกัดละเมิดเสรีภาพในการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในการออกมาทวงสิทธิและความเสมอภาคของประชาชน ซึ่งครั้งนี้เป็นสิทธิและความเสมอภาคทางเพศ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐไม่เพียงปฏิเสธว่าประชาชนทุกอัตลักษณ์มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่รัฐยังจะมองว่าการเรียกร้องสมรสเท่าเทียมสั่นคลอนความมั่นคงของประเทศ รัฐที่มีวิสัยทัศน์เช่นนี้เป็นภัยต่อรัฐเอง เพราะนั่นจะบั่นเซาะความสง่างามตัวเอง และเป็นภัยต่อประชาชน เพราะมองว่าประชาชนเป็นฝ่ายตรงข้ามมากกว่าจะเป็นเจ้าของประเทศที่รัฐต้องรับฟังเสียง รัฐจึงพยายามหาช่องทางเพื่อกดปราบ แล้วทำให้เป็นเสียงเงียบ
อันที่จริงในโลกสากล โรคระบาดคือภัยความมั่นคงใหม่ ที่รัฐต้องตระหนักและระวัง หากแต่รัฐไทยกลับใช้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่นคงแทน เห็นได้จากอ้างโรคระบาดเพื่อขัดขวางการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน รวมถึงการเคลื่อนไหวเรื่องอันลักษณ์และความหลากหลาย รัฐยังคงติดอยู่กับแนวคิดความมั่นคงเก่า ที่มองว่าความหลากหลาย เสรีภาพ และสิทธิเป็นภัยความมั่นคงที่ต้องกดปราบ ขอให้กำลังใจทีมผู้จัดกิจกรรมและผู้เคลื่อนไหวทุกคนที่ต่อสู้ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องในรัฐเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ กลุ่มภาคีสีรุ้งเพื่อการสมรสเท่าเทียมได้จัดกิจกรรมแถลงข่าวเพื่อสมรสเท่าเทียมและแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อการคุกคามกดปราบการจัดกิจกรรมเพื่ออัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้น