การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 4 เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับ ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงภาพรวมในการอภิปรายของฝั่งรัฐบาลว่าได้ใช้เวลาไปแล้ว 13 ชั่วโมง 21 นาที ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลาไป 14 ชั่วโมง 23 นาที เป็นเวลาที่ใกล้เคียงกันโดยฝ่ายค้านเหลือเวลาในการอภิปราย 9 ชั่วโมง 36 นาที ส่วนทางฝั่งรัฐบาลเหลือเวลาอยู่ 10 ชั่วโมง 38 นาที ซึ่งนายวิรัตน์ได้ขอบคุณฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่ร่วมกันอภิปรายตลอด 3 วันที่ผ่านมาโดยไม่เกิดการประท้วงกัน ถือว่าเป็นไปด้วยดี ซึ่งถ้าหากดำเนินการไปได้ดีก็จะสามารถโหวตลงมติ พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับได้ เวลา 14.00 น.
ด้านนางมนพร เจริญศรี ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดนครพนม ได้เริ่มอภิปราย พ.ร.ก.ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน กับผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ว่า ต้องยอมรับ ว่ารัฐบาลมองข้ามปัญหาเอสเอ็มอี และเข้าไม่ถึงการเยียวยาร้อยละ 88 ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก อีกทั้งไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคารร้อยละ 84.8 ทั้งที่เอสเอ็มอี ถือเป็นแหล่งจ้างงานของประเทศ ทั้งที่เป็นรากฐานที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากเอสเอ็มอีเหล่านี้กลับมาฟื้นฟูไม่ได้ ก็จะส่งผลให้คนไทยนับสิบล้านคน และกำลังชื้อของประเทศหดหาย เพราะไม่มีรายได้ เศรษฐกิจก็ฝืดเคือง และจะทำให้เห็นภาพนักธุรกิจเอสเอ็มอีฆ่าตัวตายเป็นรายวัน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่มีใครอยากเห็นหรือให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
นายมนพร ยังกล่าวด้วยว่า การกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน ได้สร้างเงื่อนไขโดยกีดกันผู้ประกอบการรายย่อย แต่เอื้อให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ หากกลไกลในการช่วยเหลืออย่างเต็มรูปธรรมและไม่ฟังเสียงผู้ประกอบการรายย่อย และที่สำคัญคือไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา แต่ยังนำนโยบายเหล่าไปหาเสียง เพื่อสร้างคะแนนความนิยม บนความเดือนร้อนของประชาชน เช่น โครงการชิม ช้อป ใช้ ที่ยืมมือประชาชนไปกดเงินภาษีของตัวเองมาใช้ และยังได้พูดถึงกรณีของการส่งจดหมายไปหามหาเศรษฐี ที่สุดท้ายแล้วเงินก็กลับไปยังกระเป๋าของมหาเศรษฐกิจเหล่านั้น
ทั้งนี้ ได้เรียกร้องให้มีการพักชำระหนี้ 1 ปี งดดำเนินคดีลูกหนี้ ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการและแบ่งโควต้าซอฟต์โลน ออกเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 2.5 ล้านบาทให้แก่ SME รายย่อยผู้ซึ่งหากรัฐบาลจะแสดงความจริงใจและมีความโปร่งใสในการใช้พ.ร.ก.เงินกู้ และควรที่จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมกันที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน เพราะจะได้ร่วมกันพิจารณาเงินกู้ที่ถือว่าเป็นภาระของประชาชนต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่ได้คาดหวังว่าข้อเสนอดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้น ตราบใดที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังมีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ โดยนางมนพร ได้ขึ้น #ลอถลมตรคล ซึ่งมีความหมายว่า "ลาออกเถอะลุงไม่ต้องรอให้ใครมาไล่" ตามที่กลุ่มนักศึกษาออกมาชูป้าย หากนายกรัฐมนตรี อยากคืนความสุขให้กับประชาชน