ซูกริฟฟี ลาเตะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชน ปาตานี (PerMAS) กล่าวปราศรัยบนเวทีการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2563 สะท้อนข้อจำกัดของชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองของทหาร ซึ่งได้รับมอบอำนาจ,kจากกฎอัยการศึก, พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
เนื้อหาตอนหนึ่งของคำปราศรัยระบุว่า เขาต้องถามตัวเองว่าตนมีเสรีภาพจริงๆ หรือ เสรีภาพที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมี ในฐานะพลเมืองของรัฐนี้
"ผมไม่ได้รู้สึกถึงโซ่ตรวน แต่ผมรู้สึกถึงกรงขังที่ล้อมไว้ หากผมเป็นนกที่มีเสรีภาพผมก็บินได้เฉพาะในกรงขัง "
ซูกริฟฟี กล่าวถึงการใช้ชีวิตประจำวันว่า "ทุกเช้าที่ผมตื่นนอน หันหน้าออกจากประตูหน้าต่าง ไม่ว่าจะไปไหน สิ่งแรกที่ผมต้องเห็นคือทหารถือปืน อยู่ในพื้นที่สาธารณะ อยู่ในตลาด วัด มัสยิด อยู่ทุกพื้นที่ของประชาชน"
ในขณะที่ตนต้องออกเดินทางไปทำธุระส่วนตัว ต้องกังวลว่าจะเจอด่าน จะถูกถ่ายรูปบัตรประชาชนชนไหม เวลาพักเที่ยง ขณะที่หากอยากโทรหาใคร ก็ต้องกังวลว่าโทรศัพท์จะถูกดักฟังไหม ที่นั่นถ้าอยากใช้โทรศัพท์ ต้องถ่ายรูปส่งให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ส่งให้ทหาร
ขณะเดียวกัน ถ้ามีน้องชาย น้องสาวกำลังเรียนอยู่ ก็ต้องกังวลว่าจะมีทหารเข้าไปสอนในโรงเรียนหรือเปล่า พอตกดึกอยากจะพักผ่อน ก็ต้องกังวลว่าตี 2 ตี 3 จะมีคนมาเคาะประตูบ้านเชิญตัวท่านโดยไม่มีหมายศาลไปค่ายทหาร
"ถ้าหากท่านโชคร้าย อาจจะหกล้มในค่ายทหาร หัวกระแทกพื้น สมองเสื่อม และตายได้ และที่สำคัญกล้องวงจรปิดจากภาษีพวกท่านทุกคนใช้ไม่ได้สักตัว"
"สิ่งที่ผมพูดต่อไปนี้คือโครงสร้างรัฐ อำนาจของทหารเข้าไปอยู่ทุกช่วงชีวิตของประชาชน เข้าไปอยู่ในทุกพื้นที่ในชีวิต ไม่สามารถหนีพ้นจากอำนาจทหารได้" ซูกริฟฟี ระบุ
ซูกริฟฟี ระบุอีกว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บอกว่าหากมีการเลือกตั้งจะไม่มี คสช. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง หากย้อนไปดูคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 51/60 ระบุว่า ได้โอนอำนาจทั้งหมดไปให้ กอ.รมน. ซึ่ง กอ.รมน.อยู่ทุกพื้นที่ของจังหวัด อำนาจของเขาสามารถตีความได้ว่าอะไรเป็นภัยต่อความมั่นคง ไม่แน่การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยวันนี้ก็เป็นเรื่องความมั่นคง
เขากล่าวด้วยว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้ 'ปาตานี' ไม่ใช่ปัญหาความมั่นคง แต่เป็นปัญหาทางการเมือง เม็ดเงิน 10,000 ล้านจากภาษีประชาชนถูกเทไปที่นั่นทุกปี และมีคนตายทุกปี สิ่งที่เรียกร้องจึงไม่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่เป็นเรื่องประชาธิปไตย เพราะสิ่งที่เรียกร้องคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปกองทัพและจัดการ กอ.รมน.ไม่ให้มีผู้นำไปเปรียบเทียบกับ 'โจร' เหมือนที่เป็นอยู่
"ถ้าท่านมีลูกยังไม่ได้เกณฑ์ทหาร ถูกเกณฑ์ไปภาคใต้แล้วเสียชีวิต นั่นคือวิธีคิดของฝ่ายความมั่นคง วิธีคิดที่พยายามจะบอกว่าเรื่องที่นั่นเป็นเรื่องความมั่นคง ถ้าเป็นความมั่นคงจริง งบประมาณหมื่นกว่าล้าน 16 ปี ของการแก้ปัญหา ตอนนี้คงเห็นสันติภาพ สันติสุขแล้ว"
"ผมกำลังจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่น ไม่ใช่ของผมคนเดียว ภาษีของพวกท่านทุกปีเป็นหมื่นล้าน ปีนี้ฉลาดหน่อย มีสภาฯ เลยซ่อนเก่ง ซ่อนทุกที่ จนสุดท้ายก็เจอ IO จากภาษีประชาชน วันนี้ผมก็เชื่อว่ากลับไปส่องเฟซบุ๊กก็น่าจะมีรูปผมขึ้น"
"สิ่งที่ผมพูดไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตย เราคุยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องปฏิรูปกองทัพ จัดการ กอ.รมน.ให้เป็นทหารพิทักษ์ประชาชน"
ซูกริฟฟี ระบุว่า รัฐบาลนี้เขาไม่เคยต้องคิดมาก เขาไม่เคยคิดว่าจะเยียวยาโควิด-19 ทุกท่าน โดยไม่กังวลว่าเป็นเกษตรกร หรือจะซื้อเครื่องบินไปบำเรอกองทัพ เขาไม่เคยต้องคิดมากว่าจะต้องช่วยเหลือพี่น้องที่ติดอยู่ต่างประเทศเพราะโควิด-19 อย่างไร หรือเอาวีไอพีเข้ามา เขาไม่เคยต้องคิดว่าจะรักษาอากาศที่บริสุทธิ์ที่ อ.จะนะ อาหารที่ปลอดภัยอย่างไร แล้วเอาโรงงานอุตสาหกรรมรับใช้นายทุนไปตั้งที่นั่น
"สิ่งที่ผมพูดไม่ต้องการให้คนแบบ พล.อ.ประยุทธ์ฟัง ผมต้องการให้พี่น้องอีกหลายคนที่ยังไม่ยืนอยู่ตรงนี้ ท่านจงออกมา เราสามารถเลือกได้ว่าจะส่งอนาคตแบบไหนให้ลูกหลาน เรามีสิทธิ์เลือกว่าจะส่งอนาคตโดยไม่ต้อง saveเพนกวิน ไม่ต้อง saveทนายอานนท์ ไม่ต้อง freeไผ่ ดาวดิน ท่านจงเก็บความรู้สึกอึดอัดใจ คับข้องใจ ความเจ็บปวดนี้ไว้ แล้วเจอกันครั้งหน้า เขาไม่เคยเชื่อว่าประชาชนจะชนะ แต่เราขอแค่ชัยชนะครั้งเดียว ครั้งเดียวจะเป็นชัยชนะของเราตลอดไป" ซูกริฟฟี กล่าว