ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย เผยการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) ยังไม่ใช่นัดสุดท้าย เพราะยังมีหลายเรื่องที่ยังต้องพิจารณา ส่วนคะแนนโหวตในสภาที่ปริ่มน้ำ เชื่อคนจัดตั้งรัฐบาลต้องหาทาออกและเตรียมรับมือในอนาคต ยืนยันตอนนี้ยังไม่มีใครเทียบเชิญ ร่วมรัฐบาล

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย กล่าวถึง คะแนนเสียงในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฏร และรองประธานคนที่ 1 และ 2 ที่มีความใกล้เคียงกัน จะทำให้เดินหน้าพิจารณาโดยเฉพาะกฏหมายที่สำคัญ ได้หรือไม่นั้น ว่าเรื่องนี้เราทราบอยู่แล้วตั้งคืนวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่าจะออกมาในลักษณะนี้ ดังนั้นเมื่อใครจะจัดตั้งรัฐบาล ก็คงจะต้องคิดหาทางออกเอาไว้ในทุกทาง และไปเผชิญกันในอนาคต 

ส่วนวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) จะเป็นการประชุม ครม.นัดสุดท้ายในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ ยังทำหน้าที่ตามปกติ เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นเมื่อใด และรัฐบาลเองยังมีเรื่องที่จะต้องพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับภาระของรัฐบาล และในส่วนที่จะเข้าไปเกี่ยวพันรัฐบาลหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงบประมาณ ไปเตรียมการปฏิทินงบประมาณฉบับใหม่ เพื่อนำเสนอในที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้

ซึ่งเดิมจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว แต่นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หยุดไว้ก่อน เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามา มีโอกาสในการปรับแก้ตัวเลขได้ จึงต้องทำปฏิทิน ว่าจะไปต่อได้อย่างไร และตนเองได้มีการพูดคุยกับสำนักงบประมาณ คาดว่างบประมาณที่ควรจะประกาศใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ปีนี้จะล่าช้าไปประมาณ 2-3 เดือน อาจจะยาวไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม และเป็นจังหวะพอดีกับการทำงบประมาณ ประจำปี 2564 จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ ครม.ยังต้องมีการประชุมกันอยู่สักระยะหนึ่ง 

นายวิษณุ ยังกล่าวย้อกล้อว่า ขณะนี้ยังไม่มีการมาเทียบเชิญตนเอง ให้ร่วมรัฐบาล ต้องรีบบอกไว้ก่อน เชื่อว่าคงไปเทียบเชิญที่อื่นก่อน ผู้สื่อข่าวถามกลับว่า ที่มาหาตนเองทีหลัง เป็นเพราะเป็นคนกันเองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้อง แต่อาจจะเรียกให้ตนเองไปหา และไปหลับหูหลับตาหยิบเทียบมาเอง ทั้งนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวว่า บุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่างๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาร่วมในการโหวตนายกรัฐมนตรีด้วย

รบ.พร้อมนำชื่อ 'ประธานสภาฯ' ขึ้นทูลกล่าว 


ขณะเดียวนายวิษณุ เครืองาม ยังกล่าวถึงบรรยากาศการประชุมรัฐสภา ว่า ตนเองไม่ได้ติดตามตลอด โดยตนเองไม่แปลกใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุมรัฐสภา เพราะเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเราคงคุ้นชินกับบรรยากาศทางการเมืองแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลไกปกติทางการเมือง ที่ต้องอาศัยข้อบังคับในการประชุมแบบเก่าเมื่อปี 2551 ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องลึกลับหรือวิชามาร และเซียนเหยียบเมฆแต่อย่างใด แต่หลังจากนี้จะมีการยกร่างข้อบังคับการประชุมใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่ออุดช่องว่างและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้งสถานที่ไม่เอื้ออำนวยจึงค่อนข้างใช้เวลาในการประชุมนาน หากใช้รัฐสภาเก่าก็จะสามารถแก้ไขปัญหาไปได้กว่าครึ่ง และทุกอย่างจะเกิดความรวดเร็วและกระชับมากขึ้น

นายวิษณุ กล่าวว่า ขณะที่การดำเนินการส่งรายชื่อประธานและรองประธานทั้ง 2 สภา จะนำขึ้นทูลเกล้าฯในช่วงใดนั้น เป็นเรื่องที่รัฐสภาจะต้องส่งมายังรัฐบาลเพราะนายกฯจะต้องเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่ไม่ทราบว่าได้ส่งเรื่องมายังรัฐบาลแล้วหรือไม่ แต่ทราบว่าเลขาธิการสภาฯ กำลังดำเนินการส่งเรื่องมายังรัฐบาล คาดว่าน่าจะถึงในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) ซึ่งหากมาถึงแล้วนายกฯก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯทันที ส่วนคะแนนเสียงในการเลือกประธานสภาฯและรองประธานคนที่ 1 และ 2 ที่มีความใกล้เคียงกันจะทำให้มีปัญหาในการเดินหน้าพิจารณากฏหมายที่สำคัญนั้น เรื่องนี้ทราบอยู่แล้วตั้งคืนวันที่ 24 มี.ค. 2562 ว่าจะออกมาในลักษณะนี้ ดังนั้นเมื่อใครจะจัดตั้งรัฐบาล ก็คงจะต้องคิดหาทางออกเอาไว้ในทุกทางและไปเผชิญกันในอนาคต