ไม่พบผลการค้นหา
เครือข่ายมาเฟียในอิตาลีและแก๊งค้ายาในเม็กซิโกนำเสบียงอาหาร พร้อมเงินกู้ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สะท้อนช่องโหว่ที่รัฐบาลดูแลประชาชนไม่ทั่วถึง เปิดโอกาสให้กลุ่มอาชญากร 'ซื้อใจ' ประชาชน

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอิตาลี ถือว่าร้ายแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะมีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา รวม 23,660 ราย และมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐฯ และสเปน รวม 178,972 ราย

แม้สถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีการผ่อนผันมาตรการบางด้าน แต่ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มีต่อประชากรยากจนในหลายพื้นที่จะยังดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง และเป็นช่องทางให้เครือข่ายอาชญากรและผู้มีอิทธิพลในอิตาลีมีโอกาสเข้าถึงประชาชนมากขึ้น

เว็บไซต์ France 24 สื่อของฝรั่งเศส รายงานเมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า กลุ่มอาชญากรหรือ 'มาเฟีย' ในท้องถิ่นต่างๆ ของอิตาลี นำเสบียงอาหารและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นทยอยไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ การจำกัดการเดินทาง และคำสั่งกักตัวเพื่อป้องกันโรคระบาด

นอกจากนี้ยังเสนอให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยแก่ผู้ที่ต้องการเงินสดไปใช้จ่ายประทังชีวิตในช่วงวิกฤตโรคระบาด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ตกงานเพราะมาตรการป้องกันโควิด-19 แต่สื่อหลายสำนักเตือนว่า ความช่วยเหลือเหล่านี้มีราคาที่ต้องจ่าย


"ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ"

'โรแบร์โต ซาเวียโน' ผู้เขียนหนังสือตีแผ่อาชญากรรมของเครือข่ายมาเฟียในอิตาลี และปัจจุบันต้องอยู่ในโครงการคุ้มกันของตำรวจ เปิดเผยกับสื่อฝรั่งเศสว่า กลุ่มมาเฟียต้องการขยายอิทธิพลของตัวเอง การเคลื่อนไหวออกช่วยเหลือคนยากคนจนในช่วงวิกฤตโควิด จึงน่าจะเป็นการฉวยโอกาสกว้านซื้อกิจการท้องถิ่นต่างๆ ที่กำลังประสบภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจ ทั้งยังเป็นโอกาสหาคนมาทำงานผิดกฎหมายให้ เช่น ค้ายา หรือเป็นสายคอยสอดส่อง เพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือที่ให้ไปก่อนหน้า

REUTERS-มาเฟียอิตาลีก่อเหตุรุนแรง Palermo กุมภาพันธ์ 2020.JPG
  • การก่ออาชญากรรมโดยเครือข่ายมาเฟียอิตาลีเกิดขึ้นบ่อยในก่อนช่วงโควิด-19

ซาเวียโนระบุกับเว็บไซต์ NPR เพิ่มเติมว่า ผู้ที่ทำงานให้เครือข่ายมาเฟียไม่ได้มีแค่นักเลงที่ใช้กำลังความรุนแรง แต่ยังรวมถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น การเงิน การบัญชี และการบริหารธุรกิจ ซึ่งจะเชื่อมโยงกิจการผิดกฎหมายกับถูกกฎหมายเข้าด้วยกัน เพราะขอบข่ายธุรกิจของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอิตาลีเท่านั้น แต่ข้ามไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ด้วย

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลอิตาลีจำเป็นต้องเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากกรณีโควิด-19 เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเครือข่ายอาชญากร แต่อุปสรรคใหญ่ที่จะยับยั้งอิทธิพลของกลุ่มมาเฟียในท้องถิ่นก็คือระบบบริหารจัดการระหว่างหน่วยงานรัฐที่ล่าช้า และปัญหาคอร์รัปชันในรัฐบาลเอง อาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที สุดท้ายก็ต้องหันไปพึ่งเครือข่ายผิดกฎหมายอยู่ดี


เบื้องหลังของแจกประชาชน คือ 'ข่มขู่-รีดไถ' ให้ได้มา

นอกเหนือจากกลุ่มอาชญากร 'มาเฟีย' ในอิตาลี ก็มีความเคลื่อนไหวจากแก๊งค้ายาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศเม็กซิโกเช่นกัน โดย The Guardian รายงานเมื่อ 20 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า กลุ่มอาชญากรทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ราว 200 กลุ่ม ในเม็กซิโก ใช้โอกาสช่วงที่รัฐบาลประกาศมาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ออกแจกเสบียงอาหารให้ประชาชน

วิธีการได้มาซึ่งของที่จะนำไปแจกประชาชนก็แตกต่างกันไป เช่น แก๊ง Los Viagras ใช้วิธี 'ขอความร่วมมือ' จากร้านค้าและกลุ่มธุรกิจในท้องถิ่นให้สนับสนุนข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ส่วนกลุ่มติดอาวุธก็ไป 'เจรจา' กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นให้จัดหาอาหารเพื่อที่แก๊งจะนำไปแจกจ่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบในชุมชนยากจนต่างๆ

REUTERS-Alejandrina Guzman อะเลฮานดรินา กุซมัน ลูกสาวเอลชาโป พ่อค้ายาเม็กซิโก แจกของช่วยคนช่วงโควิด.JPG
  • ลูกสาว 'เอล ชาโป' แจกของให้ประชาชนยากจน

ส่วน 'อะเลฮานดรีนา กุซมัน' ลูกสาวของ 'ฮวาคิน กุซมัน' หรือ 'เอล ชาโป' หัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ของเม็กซิโก ซึ่งถูกส่งตัวไปพิจารณาคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมข้ามชาติที่สหรัฐฯ ก็เพิ่งนำข้าวของออกแจกจ่ายประชาชนในเม็กซิโก โดยมีทั้งเสื้อผ้า อาหารกระป๋อง ข้าว ธัญพืช และกระดาษชำระ

ระหว่างนำของออกไปแจกจ่าย อะเลฮานดรีนาได้ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ และเรียกสิ่งของต่างๆ ที่นำไปแจกจ่ายว่า 'ชุดยังชีพชาโป' (Chapo Package) เพื่อให้คนรับระลึกถึง 'เอล ชาโป' ผู้เป็นพ่อ

'แวนดา เฟลบับ-บราวน์' นักวิจัยอาวุโสของสถาบันบรุกกิงส์ของสหรัฐฯ ซึ่งศึกษาเรื่องเครือข่ายอาชญากรในเม็กซิโก เปิดเผยกับ The Guardian ว่า แก๊งค้ายาเหล่านี้ก็ต้องการความสนับสนุนจากประชาชน โดยเธออ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าแก๊งค้าเฮโรอีนรายหนึ่งในเมืองเซียร์รา ทางใต้ของเม็กซิโก ซึ่งระบุว่า "ถ้าเราปกป้องประชาชน ประชาชนก็จะปกป้องเราเช่นกัน"

ส่วนชาวเม็กซิโกที่อาศัยอยู่ในเมืองหรือเขตปกครองซึ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแก๊งค้ายา ให้เหตุผลว่า สมาชิกแก๊งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ความจริงก็คือประชาชนไม่อาจจะคาดหวังอะไรจากใครได้เลย แม้แต่รัฐบาล ขณะที่สมาชิกแก๊งซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธอาจจะเป็นคนในพื้นที่ และอาจจะรู้จักกันมาก่อน จึงเป็นทางเลือกที่เลวร้ายน้อยที่สุด


หน้าที่รัฐ 'อุดช่องโหว่' ปากท้อง-กันคนเข้าวังวนอาชญากรรม

ธนาคารโลก (World Bank) ประมาณการเศรษฐกิจโลกว่าจะประสบกับภาวะถดถอยราว 6 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563 เป็นผลจากมาตรการรับมือกับโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อกิจการต่างๆ และประชากรที่มีฐานะยากจนจะได้รับผลกระทบหนักหนาสุด เพราะจะมีคนจำนวนมากต้องตกงานเพิ่มเติม ทั้งแรงงานในระบบและนอกระบบ

REUTERS-ชุดยังชีพเอลชาโป พ่อค้ายาเม็กซิโก ลูกสาวแจกของช่วยคนช่วงโควิด.JPG
  • ของแจกใน 'ชุดยังชีพชาโป' มีวางขายในเว็บไซต์ elchapoguzman

เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมโดยอ้างอิง 'เดวิด รามิเรซ' นักวิชาการอาวุโสของ Evalua สถาบันด้านนโยบายของเม็กซิโก มองว่ารัฐบาลเม็กซิโกไม่มีมาตรการระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาต่อเนื่องหลังสิ้นสุดสถานการณ์โควิด-19 เพราะแม้จะวางแผนออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุข แต่กลับไม่ได้พูดถึงมาตรการป้องกันอาชญากรรมและความรุนแรงที่จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคนตกงานและหันไปร่วมกับขบวนการผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ องค์การตำรวจสากล 'อินเตอร์โพล' ยังเผยแพร่ประกาศเตือนประเทศสมาชิกทั่วโลกให้เฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมบางประเภทที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 เช่น การหลอกลวงและฉ้อโกงผู้อื่นผ่านทางโทรศัพท์และอาชญากรรมทางไซเบอร์จะเพิ่มสูงขึ้น และสอดส่องได้ยากขึ้น เพราะคนที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการล็อกดาวน์มีแนวโน้มจะใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้นหรือสื่อสารกับผู้อื่นทางโทรศัพท์มากขึ้น จึงมีแนวโน้มจะตกเป็นเหยื่อกลุ่มอาชญากรที่ฉวยโอกาสเหล่านี้

ส่วนอาชญากรรมอีกประเภทที่เพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ การกักตุนสินค้าเพื่อโก่งราคาหรือค้าขายในตลาดมืด โดยเฉพาะสินค้าซึ่งเป็นที่ต้องการในช่วงวิกฤตโควิด รวมถึงการผลิตสินค้าปลอม หรือสินค้าไม่ได้มาตรฐานเพื่อหลอกจำหน่ายให้แก่ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์

เว็บไซต์ Euronews รายงานว่า ช่วงเดือน มี.ค. กลุ่มประเทศสมาชิกอินเตอร์โพลได้ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิดฐานค้าขายยาและสินค้าเวชภัณฑ์ปลอมหรือด้อยคุณภาพในสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้มากถึง 121 รายทั่วโลก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: