เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 11 ต.ค. 2565 เวลา 20.00 น. ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse ในหัวข้อ "ปราบยาบ้า-คุมอาวุธปืน คืนความสุขที่แท้จริงให้คนไทย" โดยช่วงแรก โทนี่ ได้ระบุถึงข่าวที่รายงานว่า วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียจะเข้าร่วมประชุมเอเปค ดังนั้นโทนี่จึงเช่ือว่า ถ้าปูตินมา รัฐบาลไทยต้องสังเกตการณ์ท่าทางของปูติน และสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ว่าจะมีท่าทางอย่างไรในเวลาที่เกิดสงครามอยู่ เพราะฉะนั้นกระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานกันอย่างหนัก
จากนั้น โทนี่ กล่าวว่า อาวุธปืน ประเทศไทยเราได้รับเกียรติให้เป็นประเทศที่มีปืนมากเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน คือ 10.3 ล้านกระบอก และเป็นอันดับ 13 ของโลก ซึ่งสมัยที่ตนเคยประกอบอาชีพตำรวจ เป็นรองสารวัตรอยู่ที่ สน.พระราชวัง ซึ่งเป็นท้องที่ที่ร้านขายปืนอยู่มาก ตอนนั้นตนควบคุมไม่ให้มีการนำปืนเข้า และเวนคืนปืนเถื่อนให้ทางรัฐบาลเพื่อนำมาเผาทิ้งทั้งหมด และมาพังตอนที่ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นได้อนุมัติกฎหมายปืนสวัสดิการให้กับตำรวจ จึงทำให้ร้านปืนนำปืนมาขายถึงประชาชนด้วยการใช้โควตาของทหาร และตำรวจ
โทนี่ ยังได้เล่าอีกว่า สมัยเป็นตำรวจ และเข้าเวรราชการ ได้มีตำรวจสายตรวจพาผู้หญิงมาในโรงพักด้วยข้อหาพกปืนเถื่อน จึงได้สอบถามว่า เอามาจากร้านปืน และขอซื้อปืนไม่มีทะเบียน เพราะจะเอาไปยิงผัวเขา จึงได้ฉุกคิดว่า มีร้านปืนที่ส่งเสริมให้เกิดการฆ่าคนด้วยหรือ ตนจึงไปขอหมายค้นจาก พ.ต.ท.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ ให้ออกหมายค้นให้ และพบว่ามีปืนที่ไม่ได้จดทะเบียนอยู่หลายกระบอกจึงได้ยึดมาดำเนินคดี
“ท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) หากฟังอยู่ อยากให้ท่านจัดการเรื่องปืนอย่างเข้มงวด ห้ามนำเข้า และออกคำสั่งให้ปืนที่ไม่มีทะเบียนให้มามอบ และออกนิรโทษกรรมเพื่อไม่เอาความผิด โดยให้เวลา 3 เดือน ถ้าพบปืนเถื่อน ให้ลงโทษอย่างหนัก อย่างนั้นถึงจะควบคุมอยู่” โทนี่ กล่าว
โทนี่ กล่าวในประเด็นนี้อีกว่า ตอนสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้เอาปืนที่อยู่ในทะเบียนเข้าระบบคอมพิวเตอร์ให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจ หรือทหาร นำอาวุธปืนไปก่อเหตุยิงประชาชน แต่ปรากฎว่า เทคโนโลยีสมัยนั้นยังไม่ใหม่เท่าไหร่ และความไม่ร่วมมือยังมีอยู่ สมมติว่า จับสไนเปอร์ที่มาดักยิงตนได้ เราก็จะรู้ว่ามาจากหน่วยไหน กองไหน จึงต้องเอาจริงเอาจัง
"ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้นายกฯก็ดี ป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ) หรือป๊อก (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย) ก็ดี ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหารก็ปฏิญาณตน "ไม่มีอะไรทำไม่ได้" เพราะฉะนั้นต้องทำให้ได้ ป๊อก (พล.อ.อนุพงษ์) บอกว่า ให้ครูพกปืน ผมฟังแล้วรู้เลยว่า มันหมดไฟแล้ว ถ้าไม่มีไฟ อย่าไปนั่งเก้าอี้มีอำนาจ ให้คนรุ่นใหม่ๆ ทำเถอะ สั่งให้ครูพกปืนมันตลกมาก” โทนี่ กล่าว
โทนี่ กล่าวว่า ต้องแสดงความเสียใจของครอบครัวที่ต้องเสียลูกหลาน และชาวบ้านไปในเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ที่ ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งตนทราบมาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสลดพระทัยมากกับเหตุการณ์ และเสด็จไปทอดพระเนตรครอบครัวผู้เสียหายด้วยพระองค์เอง และสิ่งที่เกิดขึ้นขอใช้คำพูดว่า “only tip of the iceberg” หมายถึง เป็นแค่ส่วนหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ แต่ข้อเท็จจริงเรื่องราวทั้งหมดมันไม่โผล่ออกมา และยังมีอยู่อีกเยอะ ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย มันถึงเวลาสุกงอมแล้ว เพราะยาเสพติดเยอะ และหาง่าย
โทนี่ กล่าวอีกว่า ขอเอา ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดมาใช้ โดยปัญหาเหตุของมันเกิดจากสองอย่างคือ การซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งในยุคตนอยู่ใครซื้อขายตำแหน่ง ตนเอาตาย เพราะเป็นภาระของประชาชนทางอ้อมในทีหลัง ทำให้ข้าราชการต้องซื้อการโยกย้าย เรียกว่า ค่าโยกย้าย เหมือนค่าเซ้งตึก ถ้าทำเลดีก็แพงหน่อย ถ้าทำเลไม่ดีก็ถูกหน่อย ซึ่งทราบมาว่า ตำแหน่งผู้กำกับในทำเลดีๆ ราคาถึง 30 ล้านบาท แล้วตำรวจจะเอาเงินที่ไหนมาให้ จึงต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือผลสุดท้ายก็ต้องไปหากินจากสิ่งอบายมุข นั่นคือ ‘บ่อน ซ่อง หวย และยา’
อีกทั้งตอนสมัยตนเป็นนายกฯ จับยาเสพติดได้ 10-20 ตัน ก็รวบรวมไว้ และขอเตาเผาเพื่อทำลายไม่ให้เหลือ ส่วนตำรวจที่นำส่งของกลางก็ให้ส่วนต่างราคาเม็ดละ 50 สตางค์ เพื่อเป็นรางวัลนำจับ แต่วันนี้ไม่เคยเห็นรัฐบาลทำ จึงต้องด่าฝ่ายการเมืองที่หากินกับการซื้อขายตำแหน่ง และสุดท้ายบาปกรรมจะตกกับประชาชน และต้นเหตุที่สองคือ ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ทำให้คนจนไม่มีโอกาส บางทีคนท้อง หรือคนแก่ ต้องรับจ้างเดินยา เพื่อนำเงินไปจุนเจือครอบครัว
และจำเป็นต้องมีการปฏิรูปตำรวจ ต้องเอานักยุทธศาสตร์มาก่อน แล้วนักกฎหมายค่อยมาทีหลัง มีชัย ฤชุพันธุ์ จะมารู้เรื่องอะไร เพราะฉะนั้นต้องวางระบบให้มันดีก่อน แล้วกฎหมายค่อยตามมา แต่จากผลที่ผ่านมา มันเลยทำอะไรมากไม่ได้ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายตลอด
“ประเทศเรา 8 ปี เศรษฐกิจทรุดเพราะ เราบริหารโดยไม่บริหาร ไม่มี Management มีแต่ Administration นั่นคือ ไม่มียุทธศาสตร์ การวางแผน หรือประเมินผล มีแต่งานเช้าชามเย็นชาม หรือ Routine Work นั่นไม่เรียกว่ามาเป็นผู้นำ” โทนี่ กล่าว
โทนี่ เล่าว่า สมัยพรรคไทยรักไทย พบว่า ในคุกมีนักโทษที่เป็นคนเสพยาถึง 200,000 - 300,000 คน จึงแก้กฎหมายให้ถือว่า ‘ผู้เสพคือผู้ป่วย’ คนที่เป็นคนเสพติด หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ตนเอาออกมาเข้า ‘โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง’ ขอความร่วมมือจากทุกกองพันในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด มาช่วยฝึกวินัยแบบทหาร และฝึกแรงงาน โดยเป็นการฝึกแบบหักดิบ เมื่อคนเหล่านั้นดีขึ้นก็ส่งกลับไปสู่สังคม แต่สังคมที่เข้าไปนั้น เราได้ปราบยาเสพติดรอไว้แล้ว
อีกทั้งหลักที่ใช้คือ ‘Demand-Supply’ (อุปสงค์-อุปทาน) โดยต้องจัดการด้าน Supply นั่นคือ ยาเสพติด และคนค้ายาเสพติด ซึ่งตนเคยบลัฟว่า “คนค้ายาอย่าให้มันอยู่ในสังคม ถ้าไม่เข้าคุกก็ต้องตาย ถ้ารวยผิดปกติก็ต้องยึดทรัพย์” ผลปรากฎว่า เมื่อโดนปฏิวัติได้มีโวหารว่า เป็นการ ‘ฆ่าตัดตอน’ 2,000 กว่าราย ซึ่งเป็นวาทกรรมคล้ายๆ ‘ผังล้มเจ้า’ ตอนนั้นทหารก็กลัวตนกลับเข้ามา จึงรีบตั้งคณะกรรมการสอบ โดยมี คณิต ณ นคร เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อสอบเสร็จก็พบว่าไม่มีคำสั่งฆ่าตัดตอน ไปนับรวมเอาการตายแบบผิดธรรมชาติมาเกี่ยวข้อง ซึ่งการตายจากคดียาเสพติดมีเพียง 80 กว่ารายเท่านั้น
“ตำรวจจำเป็นต้องหารายได้ จึงต้องไปเกี่ยวพันยาเสพติดโดยการที่มีลูกน้องไปเดินยา เพราะฉะนั้น หากรัฐบาลเอาจริง แน่นอนต้องมีการฆ่ากันบ้าง คนค้ายาฆ่าคนค้ายายังดีกว่าให้คนค้ายาไปฆ่าคนอื่น เราไม่ได้ยุให้เขาฆ่า แต่เขาตัดตอนกันเอง เพราะกลัวโดนจับ” โทนี่ กล่าว
โทนี่ กล่าวว่า เราต้องมีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อบ้าน โดยได้เอาภาพถ่ายดาวเทียมไอโคนอส พบว่าแถบชายแดนประเทศเมียนมาร์มีทุ่งฝิ่นจำนวนมาก จึงส่งให้ ‘พล.อ.อาวุโส ตานฉ่วย’ เข้าไปจัดการ ดังนั้นเราต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้อง เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
โทนี่ ยังระบุอีกว่า เมื่อต้นรู้ไปถึงที่ตั้งของการผลิตสารตั้งต้นของแอมเฟตามีนว่า อยู่ที่ประเทศอินเดีย และประเทศจีน ก็ได้ไปขอให้หยุดการผลิตเพื่อส่งเข้าไทย ซึ่งได้ความร่วมมือที่ดี รวมไปถึงคาเฟอีน ที่อาจจะนำเข้าผ่านร้านขายพิมพ์เขียว และบริษัทขายเครื่องดื่ม จึงต้องควบคุมทั้งหมด ดังนั้น นายกฯ ต้องเป็นหัวหน้าคณะในการลงรายละเอียดทั้งหมด
จากนั้น พอเราสกัดยาไม่ให้เดินได้ เด็กก็เริ่มอดยา หายาได้ยากมากขึ้น ราคาเม็ดละ 400 บาท ถ้าโดนจับได้ก็เอาไปเข้าศูนย์ฟื้นฟู ตอนไปกินอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง คนเสิร์ฟอาหารมาบอกว่า ท่านช่วยหน่อย บางวันผมมาทำงานไม่ได้ เพราะลูกขโมยรองเท้าเพื่อนำเงินไปซื้อยา แต่สุดท้ายเขามากราบตักบอกว่า ได้ลูกคืนแล้ว เลยส่งไปให้ยายที่ต่างจังหวัด ดังนั้นเราต้องทำทุกระบบพร้อมกัน อย่าพยายามให้คนอยากยาเข้าถึงยา แม้วันนี้จะสั่งผ่านแอปพลิเคชันได้และส่งให้ถึงที่
โทนี่ ระบุอีกว่า ก้อนต่อไปคือ คนที่จะเป็นลูกค้ายาเสพติดรายต่อไป เราต้องดึงออกมา อย่าให้พบกับสิ่งเหล่านี้ ด้วยการให้มีกิจกรรม มีคอมพิวเตอร์ มีงานศิลปะ ให้มั่วสุมในสิ่งที่สร้างสรรค์ เพื่อให้เด็กมีการพัฒนาตัวเองจากเรื่องใหม่ๆ ที่ก้าวหน้า และงบประมาณบางอย่างเอามารวมกัน หน่วยงานที่มีมากมายเรียกมารวมกัน และไม่ติดใจหากท่านนายกฯ จะเอาที่ตนพูดไปเปิดในที่ประชุมพรุ่งนี้ อย่าไปคิดว่า ร้อยนายกฯ ก็ทำไม่ได้ หรือจะให้ตนไปช่วยภายใน 6 เดือน และจะถือว่าเป็นผลงานของท่าน
โทนี่ ชี้อีกว่า ยาเสพติด และหวยเถื่อน มันเป็นเศรษฐกิจนอกระบบที่ทำลายประชาชน และประชาชนของไทยเป็นประชาชนที่ไม่มีรายได้ที่มั่นคง และไม่มีการศึกษาที่ดีพอ อย่างวันนี้ก็มีเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนก็ได้ข้อความทางออนไลน์มาว่า “คุณได้รับวงเงินไทยรักไทย 100,000 บาท” พร้อมทั้งลิงค์กลุ่มไลน์ นั่นเป็นเพราะความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ คอร์รัปชันที่มีจำนวนมาก ช่องทางคนชนชั้นกลางที่จะเติบโตขึ้นมามันถูกปิด ดังนั้นรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาต้องทำงานกันอย่างหนัก และเชื่อมือพรรคเพื่อไทย
โทนี่ กล่าวในเรื่องสิทธิมนุษยชนกับนโยบายประกาศสงครามกับยาเสพติดว่า สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่ควรเคารพกัน ไม่ใช่ให้สิทธิคุณ แต่คุณไปละเมิดความเป็นอยู่ของคนอื่น แต่เมื่ออยู่ร่วมกับสังคม ต้องมีกติกาของสังคม ถ้ากติกาได้รับการละเมิด สังคมนั้นก็ไม่สงบ เราต้องเข้าใจคำว่า ‘ความพอดี’ คืออะไร แต่ละสังคมความพอดีต่างกันไป สังคมที่ไม่พอเหมาะพอดีเรื่องสังคม การศึกษา เศรษฐกิจ ถ้าไม่มีระเบียบ คนที่แข็งแรงกว่าก็จะข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า
“ผมเรียนปรัชญาของความยุติธรรมทั้งหมด มันจึงฝังอยู่ในสมอง แต่เมื่อเป็นเรื่องการเมือง มันเลยเป็นหลายพวกหลายฝ่าย แต่ไม่ว่ากันเพราะเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อเตะผมออกมาอยู่ข้างนอก 16 ปีก็ไม่ว่ากัน” โทนี่ กล่าว
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า มันต้องผนึกกำลังรวมกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าจะปราบอย่างเดียว และคำว่า ‘ผู้เสพคือผู้ป่วย’ คือคำขวัญที่ใช้ก่อนได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลในยุคพรรคไทยรักไทย เป็นการเปลี่ยนความคิดของการมองคนเสพยาเสพติด กระบวนการในการรักษามันง่ายกว่า และเราเร่งในแง่การปราบปราม และการควบคุมหลายๆ ด้าน และในแง่จิตวิทยาก็จะมีบทบาทส่งเสริมความแข็งแร็งจิตวิทยาวัยรุ่น เช่น การออกกำลังการ กิจกรรมสร้างสรรค์
โทนี่ เสริมว่า เราต้องใช้พลังของทั้งแผ่นดิน ต้องร่วมกันส่งเบาะแส พวกที่ติดยาแล้วก็แจ้งมา เราจะไม่นำไปเข้าคุก แต่จะนำไปรักษา มันคือการขับเคลื่อนพลังทั้งแผ่นดิน เมื่อเห็นว่า เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงมาก รัฐบาลลำพังอย่างเดียวทำไม่ได้ ต้องทำทั้งแผ่นดิน
โทนี่ ให้ความเห็นในเรื่องน้ำท่วมว่า ปัจจุบัน คือการเยียวยา ต้องเร่งระบายน้ำ สมัยก่อนที่ตนเป็นนายกฯ ได้ไปยืมเครื่องสูบน้ำทุกที่ เพื่อระดมเอามาสูบน้ำไล่น้ำลงทุ่งนา เพื่อเอามวลน้ำออกจากในเมือง ต้องรีบทำ ซึ่งน้ำมันไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลก ก่อนที่จะลงแม่น้ำ อีกทั้งคนที่ไปก่อสร้างถนน เช่น กรมทางหลวง ไม่คุยกับชลประทานเลย ถึงเวลาสร้างก็สร้างไปก็ขวางทางน้ำไหล มีสองอย่างที่สามารถแก้ปัญหาได้คือ ทุบสร้างใหม่ ให้มีท่อลอด หรือผันเปลี่ยนเส้นทางน้ำ นี่คือการแก้ปัญหาในระยะกลาง และต้องบริหารจัดการเขื่อน และทุ่งรับน้ำ เดี๋ยวนี้ AI มันทำแทนเราได้ ต้องเอามาใช้เพื่อให้การบริหารน้ำในเขื่อน กับการบริหารน้ำที่ปล่อยออกไปทะเลมีประสิทธิภาพ
โทนี่ ระบุอีกว่า ถ้าน้ำทะเลเริ่มสูงขึ้น หากวันนี้ทั้งประเทศไทยไม่ทำอะไรเลย น้ำจะท่วมขังกรุงเทพฯ ถ้าน้ำระดับทะเลสูงเกิน 10 เซ็นติเมตร ระยะยาวคือ ทำเขื่อนป้องกันน้ำเข้ากรุงเทพฯ แต่ทำแล้วมีกำไรแน่นอน ทำเขื่อนมีกำไร ไม่ขาดทุน สามารถทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือแหล่งเพาะพันธุ์นก และต้องทำ Flood Way ตามแผน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อไม่มีน้ำเส้นทางนั้นเป็นถนน แต่เมื่อมีน้ำก็เป็นเส้นทางระบายลงทะเล
“การจะบริหารประเทศต้องมียุทธศาสตร์ มีเจ้าภาพชัดเจน เพราะไม่อย่างนั้น หากทำวันต่อวัน มันทรุด เพราะปัญหามันมาหลากหลาย เราไม่ได้สร้างปัญหาแค่อย่างเดียว แต่ปัญหาโลกมันพัฒนา คิดว่าเรื่องน้ำเป็นเรื่องที่ต้องรีบทำทั้งระบบ น้ำแล้ง น้ำท่วม ประเทศไทยเสียหากมามาก เปรียบเทีบกับงบประมาณที่ต้องลงทุนไปน้อยนิดมาก” โทนี่ กล่าว
นอกจากนี้ โทนี่ ยังได้กล่าวอีกว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มันเป็นปลายเหตุ วัวหายล้อมคอก รัฐบาลต้องแก้ปัญหาต้นเหตุเสีย ถ้าให้ครูพกปืนสอนหนังสือ มันเป็นภาพทุเรศสุดๆ แก้ปัญหาปลายเหตุมันง่าย แต่ไม่ช่วยอะไร เหมือนคนเป็นมะเร็ง ปวดแผลเหลือเกิน เอากัญชาไปให้มันก็หายแค่วันเดียว
ในส่วนของตำรวจ ภายใต้ดวงอาทิตย์ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ตำรวจต้องเลี้ยงเขาดีๆ เลี้ยงให้เขาเป็น ‘ผู้พิทักษ์’ หรือให้เป็น ‘กองโจร’ เพราะฉะนั้นระบบการบริหารจัดการตำรวจสำคัญ รวมถึงเศรษฐกิจเรามันแย่ เราปล่อยให้คนที่ขึ้นมาแล้ว ทรุดลงไป คนจึงดิ้นรนไปหาช่องทางผิดกฎหมายที่ไม่ปิดเขา เราบังคับให้เขาไปทำ เพราะเราห่วยเอง ประสิทธิภาพของรัฐบาลไม่เพียงพอ
“หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้รอด พล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีความสุขในการทำงานไปจนจบงาน หลังจากนี้ปัญหาที่ปล่อยหมักหมมมันจะระเบิดออกมาทีละอย่าง” โทนี่ กล่าว
โทนี่กล่าวว่า ทฤษฎีอาชญาวิทยา ถ้าทำแล้วถูกจับแน่นอน โทษไม่ต้องหนักหนาถึงประหารชีวิตมันก็กลัว แต่บังเอิญทำแล้วไม่เคยถูกจับ โอกาสถูกจับน้อยมาก เพราะรู้กันกับตำรวจอย่างนี้เอาโทษเท่าไรก็ไม่แคร์ เขาต้องบอกทำแล้วโดนจับแล้วเรื่องใหญ่ และความรุนแรงของโทษควรเหมาะสมกับพฤติกรรม
ถามว่า ในสังคมไม่เอื้อชีวิตที่ดีกับการเมืองที่เป็นอย่างปัจจุบัน โทนี่ ย้ำว่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเปลี่ยนจากระบบเผด็จการที่ทำอะไรไม่สำเร็จมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ตนเชื่อว่าผู้สนับสนุนระบอบเผด็จการจะอยู่รอดยากกับการเลือกตั้ง เพราะพวกนี้เตรียมซื้อเสียงกันหนักก็เอาไม่อยู่ วันนี้ถ้าประชาชนทุ่มใจเทใจอยากจะเปลี่ยนแล้ว เอาเงินมาให้ไม่สนใจ เมื่อเข้าคูหาไปแล้วไม่มีใครรู้กาเบอร์อะไร จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ปัญหาวันนี้ที่ประชาชนเริ่มไม่น่ารักต่อกัน จากสยามเมืองยิ้มถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะการล้มเหลวจากการบริหารต่อเนื่องเป็นเวลา ที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำลง ทำให้โอกาสประชาชนไม่มี ทำให้ค่าใช้จ่ายประชาชน มีค่าครองชีพสูงขึ้น หรือข้าราชการคอร์รัปชันเพื่อเอาตัวเองรอด และปัญหาสุขภาพทางจิตที่ต้องรักษาดูแล รัฐบาลอาจจะให้ความสนใจน้อย ดังนั้นถึงเวลาประชาชนต้องพิพากษาตัดสินใจ
โทนี่ ระบุว่า ตนมั่นใจว่า วันนี้ตนนำคำพูดของ แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และบุตรสาวของตนเองได้บอกกับตนว่า เราเป็นพวกรักประชาชนเขาออกมาเรารู้อาการ เรารักห่วงใยเขาจริง แต่ฝ่ายเผด็จการไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นความผูกพันและความรักที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนมันต่ำ แพทองธารได้พูดกับตน ตนภูมิใจว่าลูกสาวอยู่กับตนจนมาทำงานการเมืองเขาอินจริงๆว่าการเป็นนักการเมืองต้องรักประชาชน
"ถ้านักการเมืองไม่รักประชาชน ประชาธิปไตยจะกลายเป็นประชาธิปตาย นี่คือคำพูดของพุทธทาสภิกขุ" โทนี่ กล่าว
จากนั้น โทนี่ ได้ตอบคำถามผู้ฟังทางบ้านกรณีที่จะกลับมาประเทศไทยในปี 2565 และจะมีคำสั่ง 66/23 ภาคสองหรือไม่ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ดู ถามว่าตนจะกลับหรือไม่ ซึ่งในเดือน พ.ย.นี้ หลานตนจาก 4 คน จะเป็น 6 คนแล้ว ดังนั้น ตนอยากจะเลี้ยงหลานอย่างเดียว ถ้าหลานออกมาอีก 2 คน ก็คงจะเร่งเร้าให้ตนกลับมาประเทศไทยเร็วขึ้น
ในช่วงท้าย โทนี่ ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่มีดีลลับดูไบในการดึงตัว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย จะเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยว่า เขาบอกว่ามีดีลกับดูไบ ไม่มีเลย ตนจะไปยุ่งอะไรกับ ร.อ.ธรรมนัส
"ไม่มีดีลแน่นอน ผมไม่มีหน้าที่ แต่ถามว่ารู้จักไหม รู้จักกันแน่นอน เพราะเป็นคนเหนือเคยอยู่พรรคเพื่อไทยมาก่อน เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง รู้จักกันดี ก็แค่นั้น ส่วนเรื่องของทุกอย่างเป็นกระบวนการของพรรคเพื่อไทย ไม่มี เรื่องพรรคก็ดีลกับทางพรรคเพื่อไทย" โทนี่ ระบุ
โทนี่ย้ำว่า ตนขอเล่านิดนึง ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย สมัยตนสร้างพรรคไทยรักไทยใหม่ๆ มีหน้าตานักการเมืองใหม่ๆ พอตอนหลังมีพรรคการเมืองกลุ่มของเสนาะ เทียนทอง คนก็โวยวายทำไมไม่ทำการเมืองไม่ให้มีนักการเมืองรุ่นเก่า
"สมมติเจ้าอาวาสจะสร้างเจดีย์สักองค์หนึ่ง ต้องเลือกเอาคนหล่อๆ ทั้งหมดมาสร้างเจดีย์ทั้งหมดคงสร้างไม่เสร็จ บางทีคนไม่หล่อบ้างก็สร้างได้ แต่เจ้าอาวาสจะมีกติกาห้ามกินเหล้า ห้ามเล่นการพนัน ทุกคนก็สร้างเจดีย์เสร็จ น่าจะเป็นอย่างนั้น สมัยผมคนก็โวยวาย แต่ที่สุดระบบพรรค กติกาพรรคต้องคุมคนที่อยู่ในพรรคได้ คนคุมในพรรคต้องประพฤติปฏิบัติตามที่พรรคได้สัญญากับประชาชนไว้ อันนั้นคือหลักต้องเป็นอย่างนั้น ตามหลักการทั่วไป"
โทนี่ กล่าวว่า ตนเคยพูดว่าศิษย์เก่าพรรคไทยรักไทยทั้งหลายมีอยู่ในวงการการเมือง ถ้าคนไหนออกไปไม่เป็นปฏิปักษ์กับพรรคเพื่อไทยแล้วอยากกลับมาก็ไม่เห็นน่าเสียหายอะไร นอกจากคนออกไปปฏิปักษ์กับพรรคก็อีกเรื่องหนึ่ง
"ผมพยายามติดตามหุ่นยนต์ ฮิวแมนนอยด์ของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอ Tesla และ SpaceX ผมอยากซื้อมาก ผมรอเมื่อไรจะถ่ายทอดความจำความคิดของสมองลงไปในหุ่นยนต์ได้ ผมซื้อเลย เพราะผมจะเอาไว้อยู่คู่กับโลงศพผม ถ้าผมตายไป เหมือนผมยังไม่ตาย" โทนี่ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง