วันที่ 19 ก.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์หลังร่วมหารือกันเสร็จสิ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีวิธีแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างไร อนุทิน เผยว่า เราต้องให้ความเป็นธรรม ทำตามกฎหมายทุกอย่าง ถ้าสองเรื่องนี้มาบรรจบกันได้ ยินดีแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นด้วยดี ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฏหมาย มีความชอบธรรม เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าจะเป็นปัญหาหรือไม่ เพราะมีคำสั่ง ม.44 ค้างอยู่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาไม่ได้มาจาก ม.44 เพราะ ม.44 เป็นคำสั่งให้ทำอย่างไร้รอยต่อ ต้องดูปัญหาทั้งระบบถึงที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ต้องหารือกับผู้ว่าฯ กทม. ในสัปดาห์หน้า เร่งสะสางปัญหาโดยเร็ว ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าตรงไหนผิดก็ต้องว่าไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ขณะเดียวกันถ้ามีปัญหาต้องหาทางออกด้วย
“ถ้ามีปัญหามากผู้ที่ได้รับผลกระทบคือชาวกรุงเทพฯ จะปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ ยืนยันทุกอย่างต้องมีทางออก ต้องใช้ข้อมูลทุกอย่างที่มี โดยเราจะร่วมแก้ปัญหาไม่ใช่ร่วมกันเพิ่มปัญหา จะไปปราบปรามหรือทำอะไรใคร ต้องทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด”
ทั้งนี้ ในคำสั่ง ม.44 ยังมีเรื่องของคณะกรรมการเจรจาตรงนี้จะล้มไป หรือนับหนึ่งใหม่ในชุดใหม่ นายอนุทิน เผยว่า ขอหารือในรายละเอียด เรายังไม่ถึงตรงนั้นดูเพียงพื้นฐานที่ดำเนินมาถึงปัจจุบันนี้ ว่าทำไมมีปัญหา สืบทอดยาวนานมาถึงขณะนี้ ยกตัวอย่าง สมัยที่ตนกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เราแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ถ้า เรื่องนี้จะผ่านในเวลานั้นก็ผ่านได้ เพราะองค์ประชุมครบ แต่เมื่อไม่ผ่าน ก็ต้องไปดูว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
เมื่อถามว่า ยืนยันจุดยืนจะต่อสัมปทานออกไปหรือไม่ หรือจะใช้วิธีการประมูล อนุทิน กล่าวว่า ทางที่ดีที่สุดคือทำตามสัญญาสัมปทานที่มีอยู่ภายใน 5 ปีถึงจะคุยเรื่องนี้ได้ แต่เรื่องนี้เกิดที่ตนจะมาเป็น รมว.มหาดไทย และก่อน ชัชชาติ จะเป็นผู้ว่าฯกทม. ซึ่งต้องกลับไปดูย้อนหลัง
หากเวลานี้ให้ยึดสัมปทานที่จะหมดในปี 2572 ก่อน โดยยังไม่พูดถึงการขยายเวลาใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ตรงนั้นยังมีช่องทาง ส่วนเรื่องความเสียหายการเดินรถส่วนต่อขยาย ถ้าถูกต้องและเขาให้บริการประชาชนเกิด ประโยชน์อย่างแท้จริงก็ต้องมาดูจะไปเอาเปรียบไม่ได้ โดยงบประมาณที่จะดำเนินการต้องมาจาก ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ตนอยากให้เรื่องจบที่ กทม.
ด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ได้คุยกันหลายเรื่อง และได้มาแสดงความยินดีกับท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วย ที่ต่อเนื่องจากคณะทำงานของนายกฯ ที่หารือเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) และ กทม. กับมหาดไทย ก็มีหลายเรื่องที่ต้องประสานงานกัน และหนึ่งในนั้นคือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นเรื่องสำคัญซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการชุดเล็ก ที่มีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย ก็มีข้อมูลมากพอสมควร และในสัปดาห์หน้าก็จะมาพูดคุยถึงรายละเอียดกันอีกครั้ง
เมื่อถามถึงประเด็นการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม. จะแก้ไขอย่างไร ชัชชาติ ระบุว่า ทุกอย่างต้องมีทางออก และพูดคุยกันด้วยหลักการและเหตุผล ไม่น่าจะมีอะไร ทางรองนายกรัฐมนตรีมีข้อมูลที่ละเอียดกว่าตนด้วยซ้ำ สัปดาห์หน้าคงจะได้มีโอกาสกลับมาหารือในรายละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการนำเสาไฟฟ้าลงดิน ซึ่งมีรายงานหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การไฟฟ้านครหลวงจะต้องประสานกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสายสื่อสารที่จะต้องเร่งรัดนำลงใต้ดิน รวมทั้งเรื่องการเปลี่ยนหลอดไฟแอลอีดีทั้งกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดพลังงาน ช่วยประหยัดในเรื่องค่าไฟฟ้า ลดโลกร้อน และยังมีการหารือถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยที่จะต้องประสานกับกรุงเทพมหานครแบบไร้รอยต่อ การกำจัดน้ำเสีย กำจัดขยะ ซึ่งหลายอย่างก็ได้ร่วมมือและแชร์ประสบการณ์ ที่ผ่านมาในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนแจ้งเหตุผ่านแอปพลิเคชั่นใน กทม และ 15 จังหวัด ที่ได้ผลเป็นอย่างมาก เผื่อทางกระทรวงมาไทยจะนำไปใช้เป็นแนวทางขยายไปทั่วประเทศ
เมื่อถามว่าหากกระทรวงมาไทยในยุค นายอนุทิน ขับเคลื่อนงานได้ง่ายกว่ายุคก่อนหรือไม่ ชัชชาติ กล่าวว่า ตนมองว่าดีทุกยุค แต่เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ทำงานร่วมกันได้ ซึ่งการทำงานของ อนุทินก็คล้ายกับนายกรัฐมนตรี ที่ไวตัดสินใจรวดเร็ว มาไม่นานก็ได้พบนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นความร่วมมือในการทำงานที่ดี