นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เปิดเผย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขอบคุณประชาชน ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามเคอร์ฟิวคืนแรก พร้อมทั้ง แสดงความห่วงใยคนไทยเข้าประเทศ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 เม.ย.) มีเหตุขัดข้องหลายเรื่องจากประเด็นปัญหาความไม่เข้าใจ และจะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก จึงสั่งให้ประชุมเร่งด่วน
โดยมอบให้ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุม โดยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า 158 คน ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เมื่อรับทราบว่าต้องมีการกักตัวที่รัฐจัดให้ จึงมีการต่อรองและไม่ให้ความร่วมมือ โดยอ้างว่าไม่ได้รับทราบมาก่อน ทำให้เกิดการควบคุมฝูงชนไม่ได้ ซึ่งมีการรายงานให้ทราบล่าสุดว่า 6 คน ที่เดินทางเข้ามาเมื่อคืนนี้ ได้รายงานตัว และให้ความร่วมมือเข้าสู่กระบวนการแล้ว
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตามตัวเข้ามาสู่กระบวนการทั้งหมด โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
อย่างไรก็ตาม หลังประกาศสายการบินห้ามบินเข้าท่าอากาศยานไทย ยังคงมีคนไทยที่กำลังเดินทางและอยู่ระหว่างทาง ขอให้ติดต่อไปยังสถานฑูต เพื่อขอความช่วยเหลือยังสถานฑูตประเทศนั้นๆ ซึ่งมีผู้ขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว จะเข้ามาอีกเป็นจำนวนหลักร้อย โดยย้ำว่าทุกคนต้องลงนามในหนังสือยินยอมกักตัวในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดให้ 14 วัน
นพ.ทวีศิลป์ ยังยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการให้ติดตามตัว คนไทยที่ไม่ยอมเข้ากระบวนการจริง หากไม่มามีความผิด ซึ่งไม่ได้อยากลงโทษ แต่ที่ต้องตามมา เนื่องด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่ได้ทำเพื่อบุคคลนั้นๆ แต่ยังเป็นการทำเพื่อประเทศชาติด้วย
นายกฯ ขอประชาชนเข้าใจปฎิบัติตามข้อบังคับ
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเป็นห่วงเหตุความวุ่นวาย หลังจากมีเที่ยวบินผู้โดยสารจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายกรัฐมนตรีขอให้ครอบครัว ผู้ปกครอง และบุคคลที่เดินทางกลับจากต่างประเทศได้เข้าใจในขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยทุกคนที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงจะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวตาม พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากเดินทางเข้ามายังประทศไทยแล้ว ผู้โดยสารหรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่รัฐบาลกำหนด โดยให้กักกันเฝ้าระวังเป็นระยะเวลา 14 วัน และต้องไปรายงานตัวต่อศูนย์คัดกรองโควิด-19 ประจำหมู่บ้านหรือชุมชนท้องที่ที่อำเภอกำหนด ฝ่าฝืน มีโทษตาม พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่มีข้อยกเว้น
นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเข้าใจในการทำงานของรัฐบาลที่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันและยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกสบายในช่วงนี้ จึงขอให้ประชาชนอดทน ให้ความร่วมมือเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว และเพื่อสังคมจะได้ปลอดภัย หากไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ปฎิบัติตาม จะส่งผลเสียตามมาทีหลัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง